Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

เทียบสเปค Honda CBR150R VS Yamaha YZF-R15

ถือว่าเป็น 2 รุ่นรถสปอร์ตในระดับเอนทรี่คลาสจากทางค่ายญี่ปุ่นอย่าง Honda CBR150R และ Yamaha YZF-R15 ที่กำลังแข่งขันกันทำตลาดในประเทศไทยเราอยู่ขณะนี้ ซึ่งอาจจะมีเพื่อนๆ บางคนกำลังลังเลใจอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี ทางเราเลยขอรวบรวมข้อมูลสเปคของตัวรถทั้ง 2 คันโดยละเอียดมาเทียบกันให้ดู

tecUK1.jpg
2019 Honda CBR150R
tecO39.png
2019 Yamaha YZF-R15

รูปแบบการดีไซน์

ทั้งสองโมเดลเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีรูปแบบไปในทางของรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง โดยเจ้า Yamaha YZF-R5 นั้นจะได้รับอิทธิพลการออกแบบโดยรวมตามแนวทางของ R-Serie ตระกูลของรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งของทางค่าย โดยดีไซน์หลักๆ จะอ้างอิงมาจาก Yamaha YZF-R6 ที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ในระดับ Super Sport เน้นหนักไปที่การทำ Aerodynamic และการสร้างความเสถียรเมื่อยามวิ่งด้วยความเร็วสูง ส่วน 2019 Honda CBR 150R นั้นจะเป็นดีไซน์ใหม่หมดโดยที่ทิ้งโมเดลเก่าที่มีอายุยืนยาวถึง 9 ปี โดยที่โครงสร้าง เครื่องยนต์ล้วนแล้วแต่เป็นของใหม่หมด และมีการออกแบบที่เน้นไปในส่วนที่มีความแหลมความคมตามแนวทางของรถสปอร์ตที่ควรจะเป็น ไฟหน้าจะเป็นแบบสองโคมแยกซ้ายขวา ไม่มากองรวมกันตรงกลางเหมือนโมเดลเก่า สร้างความแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้น ภาพรวมของทั้งสองโมเดลนั้นมีมิติที่แตกต่างกันพอสมควร โดยที่ CBR150R นั้นจะมีขนาดตัวที่เล็กกว่า ด้วยมิติตัวรถ (กว้างxยาวxสูง)  694×1,983×1,077 มิลลิเมตร ส่วน YZF R-15 นั้นจะมีมิติตัวรถที่ 725×1,990×1,135 มิลลิเมตร โดยที่เบาะนั่งนั้นจะสูงจากพื้น 815 มิลลิเมตร แตกต่างกับ CBR150R ที่มีความสูงเบาะนั่งเพียง 787 มิลลิเมตรเท่านั้น   ตรงนี้อยู่ที่ความชอบของแต่ล่ะคนแล้วว่าชื่นชอบการออกแบบแบบไหน


2019 Honda CBR150R

ขุมกำลังเครื่องยนต์

แน่นอนว่าถ้าวัดกันเฉพาะเรื่องของขุมกำลังแล้ว Yamaha YZF-R15 นั้นเหนือกว่า ด้วยขุมกำลังขนาด 155 ซีซี แบบ SOHC 4 วาล์ว 1 ลูกสูบ แถมยังมีระบบ VVA หรือระบบวาล์วแปรผันเข้ามาช่วยในเรื่องของการทำรอบความเร็วที่สม่ำเสมอในทุกๆ ย่าน โดยที่ Honda CBR150R นั้นจะเป็นเครื่องยนต์ 149 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 วาล์วแบบ DOHC บล็อกเดียวกับที่อยู่ใน CB150R Streetster โมเดลล่าสุดของทางค่าย โดยจุดรวมแล้วเครื่องยนต์และขุมกำลังของ YZF R-15 นั้นค่อนข้างจะเด่นกว่าประมาณหนึ่งเลยครับ

tecbOJ.png
2019 Yamaha YZF-R15

ฟีเจอร์และอุปกรณ์ติดตั้งตัวรถ

Honda CBR150R นั้นถึงแม้ว่าจะเป็นโมเดลใหม่ในบ้านเราซึ่งทางผู้ผลิตได้คัดสรรค์อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานตามแนวทางของรถสำหรับท้องถนนที่เน้นหนักไปในเรื่องของความปลอดภัย โดยมีรุ่นย่อยที่มีการติดตั้งระบบเบรก ABS เข้ามา อีกทั้งโช้คอัพหลังของ CBR150R นั้นสามารถปรับได้ถึง 5 ระดับ ซึ่งนับว่าเป็นรถสปอร์ตคลาส 150 ซีซี เพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ ในส่วนของ Yamaha YZF-R15 นั้นก็มีจุดเด่นที่โช้คอัพหน้าหัวกลับ Upside-Down ของ KYB เป็นตัวชูโรงอีกทั้งยังมีฟีเจอร์เด่นอย่างระบบ Assist&slipper Clutch เข้ามาช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาในยามที่เราเปลี่ยนลดเกียร์แบบกะทันหัน อีกทั้งยางหลังของ R15 นั้นจะมีขนาดหน้ายางที่กว้างกว่า CBR150R อยู่ด้วยกัน 10 มิลลิเมตร เสริมความมั่นใจในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ตรงจุดนี้อาจจะเป็นอะไรที่ตัดสินได้ค่อนข้างยากพอสมควร ขึ้นอยู่กับดุจลพินิจของเพื่อนๆ แล้วล่ะครับ

tecjab.jpg
2019 Honda CBR150R

ความคุ้มค่าของโมเดล

ราคาของ Yamaha YZF-R15 นั้นจะมีการวางจำหน่ายอยู่ที่ 97,000 บาท และมีโมเดลพิเศษลวดลาย MotoGP ในราคา 98,500 บาท ส่วนของ Honda CBR150R นั้นจะวางราคารุ่น Standard ไว้ที่ 92,000 บาท และรุ่น ABS พร้อมลวดลายพิเศษ Repsol Honda และ Ap Honda Racing Thailand ให้ได้เลือกกันในราคา 99,000 บาท ทั้งสองโมเดลมีความคุ้มค่าคุ้มราคาในตัวเอง โดยที่ราคาที่จ่ายไปนั้นถือว่าของที่ได้รับกลับมานั้นมีประสิทธิภาพและมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งคู่ เพราะแต่ละคันต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปแบบชัดเจนในแนวทางของแต่ละคัน

tecDxa.jpg
2019 Honda CBR150R ABS “Repsol Edition”

tecAnq.jpg
2019 Honda CBR150R ABS “AP Honda Racing Thailand Edition”

teco4f.png
2019 Yamaha YZF-R15 “MotoGP Edition”

บทสรุปของ Honda CBR150R VS Yamaha YZF-R15

ภาพรวมของทั้งสองโมเดลนั้นดูแล้วออกมาในทิศทางที่ใกล้เคียงกัน โดยที่ Honda CBR150R นั้นอาจจะดูเป็นรถสปอร์ต 150 ซีซี ที่มีความคล่องตัวสูง ใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวันหรือเอาไปซิ่งก็ทำได้ ส่วน Yamaha YZF-R15 นั้นจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่างออกไป โดยที่เครื่องยนต์นั้นสามารถรีดพละกำลังได้ดีกว่าประมาณหนึ่ง และบางทีก็ดูจะเหมาะสมกับการใช้งาน ของผู้ที่ต้องการนำมันไปเน้นการขับขี่ในแนวเรซซิ่งเป็นหลัก บางทีอาจจะต้องตัดสินว่าอยากได้ Upside Down หรือ ABS เพราะเป็นสิ่งที่ทั้ง 2 โมเดลแตกต่างกันอย่างชัดเจน หรืออาจจะต้องเลือกว่าเราชอบรูปร่างหน้าตาของคันไหนมากกว่ากัน