Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

Honda CBR250RR เตรียมเปิดตัวในไทย Motor Show 2019 นี้!!!

เหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะดำเนินมาถึงบทสรุปกันเสียที สำหรับ Honda CBR250RR หลังจากที่ทางเรานำเสนอข่าวเกี่ยวกับการที่มีดีลเลอร์ออกมาโพสท์รูป CBR250RR พร้อมกับระบุว่า Coming Soon แต่แล้วล่าสุดก็ได้มีดีลเลอร์อีกหนึ่งเจ้าอย่าง ศูนย์ฮอนด้า เวิล์ดสปีด ได้ออกมาโพสท์รายละเอียดที่เพิ่มเติมมากกว่านั้น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

tiN4ze.jpg

“เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์ครั้งใหม่จากฮอนด้า CBR250RR Made in Japan นำเข้าทั้งคันที่งาน MotorShow ระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-7 เม.ย. นี้ ใครสนใจจองรถในงาน และแจ้งรับรถที่ #เวิลด์สปีด ได้ทุกสาขา”

ถือว่าเป็นประโยคที่สรุปเรื่องราวมหากาพย์ของ CBR250RR กันเสียที โดยโมเดลที่จะวางขายกันในประเทศไทยนั้นก็คือ Honda CBR250RR เวอร์ชั่นที่ผลิตกันในญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการนำเข้าตีตรา Made in Japan ทั้งคันมาขายกันในประเทศไทยบ้านเรา (ซึ่งถือว่าฉีกแนวไปจากปกติ ที่บ้านเรานั้นจะไม่นำเข้ารถจากต่างประเทศในคลาสที่ต่ำกว่า 650cc สำหรับยุคหลังๆ มานี้) นั่นก็เท่ากับว่าพับโครงการ CBR300RR กันในตอนนี้ไปได้เลย โดยที่ CBR250RR เวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้น จะมีความแตกต่างไปจากเวอร์ชั่นอินโดนีเซียในเรื่องของตัวเลขแรงม้าและทอร์ค ที่ของทางญี่ปุ่นนั้นจะให้แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์มาที่ 38 PS ที่ 12,500 รอบต่อนาที และทอร์คสูงสุดจะเท่ากับ 23 Nm ที่ 11,000 รอบต่อนาที ในขณะที่เวอร์ชั่นอินโดฯ นั้นแรงม้าจะอยู่ที่ 38.7 PS และทอร์คเท่ากับ 23.3 Nm ที่รอบเท่ากัน ซึ่งต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

2181108-cbr250rr_01__

ในขณะที่รูปร่างหน้าตาภายนอกและฟีเจอร์อื่นๆ นั้น เรียกได้ว่าไม่แตกต่างกัน โดยจะมาในเครื่องยนต์แบบ DOHC 4 จังหวะ 8 วาว์ล ขนาด 249.7 cc แบบ 2 สูบเรียง มีขนาดกระบอกสูบเท่ากับ 62.3 mm และช่วงชัก 41.4 mm อัตราส่วนแรงอัดเท่ากับ 11.5:1 โดยที่รอบสูงสุดของตัวเครื่องยนต์นั้นจะอยู่ที่ 16,000 รอบต่อนาที และที่สำคัญ Red Line อยู่ที่ 14,000 รอบต่อนาที เรียกได้ว่าจัดจ้านเอามากๆ สมกับรหัส RR ตัวเครื่องยนต์นั้นจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ที่เป็นเอกสิทธิ์ของทาง Honda ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำและพัดลมอัตโนมัติ ตัวรถขับเคื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีดแบบ 1-N-2-3-4-5-6 สตาร์ทมือไฟฟ้า คลัทช์เป็นแบบเปียกทำงานร่วมกับคอยล์สปริง ในส่วนของน้ำมันเครื่องนั้นมีความจุอยู่ที่ 1.9 ลิตรด้วยกัน

kvxcut.jpg

โช้คอัพด้านหน้านั้นใช้แบบหัวกลับ (Upside Down) ส่วนด้านหลังเป็นแบบอลูมิเนียมบานาน่าสวิงอาร์ม Pro-Link ที่สามารถปรับระดับได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน ระบบเบรกนั้นด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบไฮดรอลิก 2 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นแบบไฮดรอลิก 1 ลูกสูบ และสเปคของยางรถนั้นด้านหน้ามีขนาด 110 / 70-17 54s (tubeless) และด้านหลังมีขนาด 140 / 70-17 66s (tubeless) และมีโหมดในการขับขี่มาให้เลือกกันอยู่ 3 โหมดด้วยกันคือ Comfort, Sport และ Sport + โดยที่โหมด Comfort นั้นกำลังของตัวรถจะถูกดรอปลงมา ในขณะที่โหมด Sport และ Sport + จะเปิดกำลังให้มากที่สุดตามประสิทธิภาพของตัวรถเลย เพียงแต่ว่าโหมด Sport นั้นจะมีการไต่ความเร็วที่ราบลื่นนุ่มนวลกว่า แต่ Sport + จะอัดกันเต็มกำลังในแต่ละเกียร์เลย ซึ่งแน่นอนว่ามันจะไม่นุ่มนวลเท่าไหร่ แต่รับรองว่าฟีลลิ่งแบบรถที่แข่งกันในสนามมาเต็มอย่างแน่นอน

ซึ่งทางดีลเลอร์อย่าง ศูนย์ฮอนด้า เวิล์ดสปีด นั้นก็ได้แจ้งว่าจะมีการเปิดรับจองรถกันในงาน Motor Show บ้านเราปลายเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งก็เท่ากับว่าหลังจากนั้นก็สามารถรับรถกันได้ที่ตามดีลเลอร์ต่างๆ ของฮอนด้า โดยราคาค่าตัวนั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ เราคงต้องไปลุ้นกันในงาน แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่กังวลเรื่องภาษีนำเข้า ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะว่าปัจจุบันนี้การนำเข้ารถจากญี่ปุ่นนั้น ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าแล้ว จากนโยบายภาษี JAFTA ที่ทำให้ภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่นมาไทยเป็น 0% นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก ศูนย์ฮอนด้า เวิล์ดสปีด

ขอบคุณภาพประกอบจาก https://young-machine.com/