Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

รู้จักกับ Honda NSR 150 SP Pro Arm รถระดับไฮเอนด์ ที่ยังโลดแล่นมาถึงทุกวันนี้

วันนี้อาจจะดูแปลกตาไปสักหน่อย เมื่อทางเราจะนำเสนอเกี่ยวกับรถ Honda NSR 150 SP Pro Arm ให้ได้รู้จักกัน ซึ่งถือว่าเป็นรถในตำนานคันหนึ่งของบ้านเรา เมื่อครั้งสมัยก่อนนู้นถือว่าทาง Honda ได้จัดเต็มกับคันนี้ โดยยัดเทคโนโลยีจากในสนามแข่งลงมาที่ตัวนี้อย่างครบครัน สิ่งที่เด่นสุดๆ ก็ตามชื่อรุ่นของมันกับเจ้าโปร์อาร์มนั่นเอง (สวิงอาร์มเดี่ยว) ซึ่งในสนามแข่งก็ทำขึ้นเพื่อเอาไว้ให้สามารถเปลี่ยนล้อได้อย่างรวดเร็วเพื่อทำเวลา ซึ่งต้นทุนในการผลิตก็แน่นอนว่าจะต้องสูงกว่าสวิงอาร์มทั่วไป และแน่นอนว่ามันทำให้ตัวรถนั้นหล่อขึ้นกว่าเดิมในสายตาผู้พบเห็นอีกด้วย

content 809578 84714ac56497a8058855b764d5d718f5

สำหรับตัวรถ Honda NSR 150 SP Proarm นั้นมาในพิกัด 150cc 2 จังหวะ 1 สูบ โดยความแรงก็เทียบได้ประมาณรถ 300cc 4 จังหวะในสมัยนี้ ที่ได้รับการการันตีจากเหล่าไบค์เกอร์ในสมัยก่อนว่าแรงและเร็วจริง (มักจะถูกนำเอาไปแข่งกับ KR ของทาง Kawasaki กัน) มีขนาดช่วงชักของเครื่องยนต์อยู่ที่ 59 x 54.5mm แรงม้ามากถึง 39.5 ตัวที่ 10,500 รอบ ส่วนของทอร์คหรือว่าแรงบิดนั้นอยู่ที่ 27.5 NM ที่ 10,000 รอบ ระบบเกียร์เป็นแบบ 6 สปีด ความยาว : 1,970 mm ความกว้าง : 685 mm ความสูง : 1,060 mm ฐานล้อ : 1,355 mm น้ำหนักตัวเท่ากับ : 122.4 kg ขนาดของยางอยู่ที่ (หน้า) 90/80-17, (หลัง) 120/80-17 or 130/80-17 จ่ายน้ำมันด้วยคาบูเรเตอร์ การเผาไหม้เป็นแบบ Electronic CDI unit และ RC Valve เป็นแบบดิจิตอลที่ทำงานได้ละเอียด ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิกขนาด 35 mm และด้านหลังเป็นแบบโมโนโช้กของ Showa ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มเดี่ยว (โปร์อาร์ม)

แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่ว่าทุกวันนี้เราก็คงจะพอพบเห็นได้บ้างตามท้องถนนกันทั่วไป แถมในเรื่องของอะไหล่ก็ถือว่ายังหาใช้กันได้อีกยาว เพราะทางร้านก็สต็อกกันไว้เยอะพอสมควร สนนราคาตอนเปิดตัวมาในสมัยก่อนก็อยู่ที่ 85,000 บาทซึ่งถือว่าแพงมากๆ ในสมัยก่อน (ราวๆ เกือบ 20 ปีก่อน สมัยที่ข้าวแกงยังจานละ 15 บาท) เรียกได้ว่าเป็นรถไฮเอนด์แบบเต็มตัว แต่ถ้าใครได้ครอบครองมันก็ถือว่าหล่อและเท่ที่สุดแล้ว ไปไหนมีแต่สาวๆ กรี้ดกัน ซึ่งราคานี้ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว ก็ถือว่าสมเหตุสมผลกับของแต่ละอย่างที่ให้มากับตัวรถ

แน่นอนว่าสีที่โดดเด่นที่สุดของมันก็หนีไม่พ้นลาย Repsol สีเขียวส้มลายแข่งของทางค่าย Honda นั่นเอง โดยเอกลักษณ์ของมันก็คือเรื่องของเสียงที่จะกังวาลแสบแก้วหูมากกว่ารถ 4 จังหวะในปัจจุบัน และการที่เป็นรถ 2 จังหวะที่ซดออโตลูป นั้นทำให้การจุดระเบิดของเครื่องค่อนข้างถี่ซึ่งทำให้อัตราเร่งนั้นดีมากทีเดียว แต่ก็แลกมาด้วยการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่จะสูงกว่ารถ 4 จังหวะ ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักบิดที่เสพติดความเร็วเท่าไหร่ ยิ่งเวลาซัดไปจนถึงอาร์ซีวาล์วเปิดแล้วด้วยนี่ฟินกันสุดๆ ไปเลย (วาล์วเปิด โลกเปลี่ยน!)

ถ้าหากว่าใครสนใจเจ้าตัวนี้ก็เห็นมีขายกันมือสองตามร้านหรือตามเว็บทั่วๆ ไป ซึ่งราคาก็ไม่ได้แรงเท่าไหร่ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสภาพรถด้วย โดยเฉลี่ยทั่วๆไปก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 15,000 – 20,000 บาท แต่ถ้าสภาพสวยๆ จบๆ น่าจะอยู่ที่ราวๆ 25,000 – 30,000 บาท ซึ่งผู้ใช้งานจริงบางท่านแจ้งว่าหากรถสภาพสมบูรณ์ก็สามารถวิ่งได้ตั้งแต่ กทม. – เชียงใหม่ โดยไม่ต้องพักรถกันเลยก็ยังไหว หากใครเคยสัมผัสแต่รถ 4 จังหวะจะลองมาแว้นซ์กับเจ้า 2 จังหวะที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็น “ที่สุด” ของสองล้อมาแล้วก็ไม่เลวเหมือนกันใช่มั้ยครับ