Banner Yamaha FINN SP 2024 1150x250
Banner Yamaha FINN SP 2024 400x300

Honda Safety Riding Park วัฒนธรรมแห่งการขับขี่ปลอดภัยและการพัฒนาทักษะการขับขี่ ที่ทางฮอนด้ามอบให้ชาวไทย

cover3

จะต้องบอกเลยว่าในทุกวันนี้รถมอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์นั้นเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของชาวไทยเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะขี่มันหรือไม่ขี่ก็ตาม แต่จะเห็นได้จากบนท้องถนนหรือสื่อและรายการต่างๆ พร้อมกันกับข่าวในแง่ลบอย่างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์กัน ดังนั้นเราจะปฏิเสธตรงนี้ไม่ได้ว่าเหตุสุดวิสัยเหล่านั้นบ่อยครั้งก็เกิดจากความประมาทหรือการขาดทักษะในการขับขี่รถบิ๊กไบค์ที่ดีเพียงพอจากผู้ขี่บางราย วันนี้ทาง GreatBiker จึงอยากจะพาไปทำความรู้จักและรีวิวศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยจากทางฮอนด้า หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาอังกฤษว่า Honda Safety Riding Park ซึ่งเปิดตัวกันที่เชียงใหม่และทางภูเก็ต ซึ่งวันนี้เราจะรีวิวในฝั่งของจังหวัดเชียงใหม่กันที่เปิดตัวกันไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2016 ที่ผ่านมานี้

สำหรับศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยจากทางฮอนด้าเชียงใหม่และภูเก็ตนั้นจะต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นศูนย์ฝึกที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทยและใหญ่สุดในเอเชียอาคเนย์ ที่เน้นในเรื่องของไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ที่ปลอดภัยและการพัฒนาทักษะ โดดเด่นด้วยสนามฝึกทางฝุ่นระยะทางรอบสนามถึง 600 เมตร และสนามฝึกโดยรวมยังมี Station การฝึกสอนที่ครบครัน ซึ่งจำลองถนนในทุกรูปแบบ หลักสูตรในการฝึกขับขี่ ที่เพิ่มขึ้นมารองรับรูปแบบสนามที่มีเฉพาะทั้ง 2 ศูนย์นั้น หลักๆจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ก็คือ 1. Skill Riding Course คอร์สที่เพิ่มเทคนิคเพื่อความปลอดภัยโดยขับขี่บนถนนทางเรียบในทุกรูปแบบ และ 2. Dirt Course คอร์สที่ครบทุกทักษะบนทางฝุ่น สำหรับผู้ที่คลั่งไคล้การขับขี่สไตล์ Dirt และ Basic Safety Riding Course คอร์สที่สอนเบสิคในการขับขี่ ซึ่งจะมีอยู่ในทุกศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยจากฮอนด้า และทางทีมงานของ GreatBiker เองนั้นก็ได้เข้าร่วมในคอร์สการฝึกขับขี่แบบเดียวกับผู้เรียนจริงๆ ด้วย เพื่อที่จะได้มาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันแบบการสัมผัสมาโดยตรง ซึ่งเราจะมาลงลึกในรายละเอียดกันต่อไป

ก่อนอื่นเลยเรามาพบกับส่วนต่างๆ ของศูนย์ฝึกแห่งนี้กันก่อน ในส่วนของศูนย์ฝึกนั้น นอกเหนือจากไฮไลท์ที่โดดเด่นมากที่สุดอย่างในส่วนของสนามซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือสนามทางเรียบและสนามทางฝุ่น เพื่อรองรับทั้ง 2 หลักสูตรหลักที่ได้เกริ่นไปข้างต้นแล้ว ยังมีในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับในไลฟ์สไตล์ของทางไบค์เกอร์แต่ละคน สำหรับการเป็น Community Hub อย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็น

ห้องเรียนขนาดใหญ่

ห้องรับรอง

Shop สำหรับจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกัน และ accessories ต่างๆ

ร้านกาแฟ และ Food Shop

อุปกรณ์ Simulator ที่ทันสมัยสำหรับจำลองรูปแบบของการขับขี่เบื้องต้น ก่อนลงสนามจริง

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจของศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็คือ มีหลักสูตร LICENSE สำหรับในการสอบใบขับขี่ โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงกรมขมส่งกันแล้ว ซึ่งมาตรฐานนั้นเหมือนกันทุกอย่าง อย่างเช่นภาพของห้องสอบที่เราเห็นกันนี้

“BASIC SAFETY RIDING COURSE”

หลังจากที่เราได้เดินชมในส่วนต่างๆ ของศูนย์แล้วก็มาถึงในส่วนของทางคอร์สที่เราจะร่วมเรียนกับทางศูนย์ ซึ่งในวันที่เรามาลงเรียนกันนี้กับหลักสูตรแรกเลยนั่นก็คือ Basic Safety Riding Course ซึ่งเป็นหลักสูตรสำหรับผู้เริ่มต้น ก็มีไบค์เกอร์อีกหลายท่านให้ความสนใจเข้ามาลงเรียนร่วมกันด้วย หลังจากที่ลงทะเบียนกันเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นในส่วนของทฤษฎีที่มาปรับพื้นฐานและทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของคอร์สนี้กัน

หลังจากที่เสร็จสิ้นในส่วนของภาคทฤษฎีกันแล้ว ก็จะมาเตรียมตัวเพื่อลงเรียนในสนามจริงๆ กัน แน่นอนว่าจะต้องมีการแต่งตัวกันก่อน ซึ่งทางศูนย์ก็มีอุปกรณ์เซฟตี้ให้เราอย่างครบครัน เรียกได้ว่ามากันตัวเปล่าๆ ได้เลย

ทางครูฝึกจะมีการบรรยายและสาธิตตัวอย่างกันแบบชัดเจนเพื่อให้เราปฏิบัติตาม และมีการแนะนำในการตรวจเช็คสภาพรถในเบื้องต้นก่อนขี่กันด้วย

ซึ่งในส่วนของหลักสูตร Basic Safety Riding Course นั้นจะเน้นในเรื่องของการจัดท่านั่งในการขับขี่ที่ถูกต้อง, การเลี้ยวโค้งแบบพื้นฐาน, การใช้เบรกและคลัทช์ให้ถูกต้อง, การควบคุมรถ ฯลฯ ที่นำไปสู่การพัฒนาทักษะการขับขี่พื้นฐานที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะหากว่ายังไม่เชี่ยวชาญในเรื่องพื้นฐาน ก็จะเป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้ในระดับที่สูงกว่านี้ ซึ่งตรงนี้การออกแบบหลักสูตรนั้นออกแบบมาได้ดีและสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย จากการถ่ายทอดจากครูฝึกมืออาชีพที่มีดีกรีนักแข่งติดตัว

“SKILL RIDING COURSE”

เมื่อจบจากในส่วนของพื้นฐานกันไปแล้ว ก็จะมาถึงในส่วนของ Skill Riding Course ที่จะเป็นการยกระดับทักษะในการขับขี่ขึ้นมาอีกขั้น โดยหลักสูตรนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ทักษะด้วยกันดังนี้

1. Straight Rhythm เป็นการขับขี่ในทางตรงด้วยความเร็วท้าทายความกล้าของตัวเองในการบิดคันเร่ง และการฝึกใช้เบรกและคลัทช์อย่างมั่นใจ
ทางครูฝึกจะคอยแนะนำเราแบบใกล้ชิดตลอด เพื่อปรับปรุงการขี่ของเราให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด

2. Cornering
เรียนรู้การเข้าโค้งที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากๆ สำหรับการขี่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งการเข้าโค้งนั้นก็มีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งจะมีท่าทางที่แตกต่างกันไป จะต้องเลือกใช้ให้ถูกต้องตามสถานการณ์

ตรงจุดนี้มีระบบที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือเทคโนโลยี Riding Position Test ที่จะแสดงภาพการขับขี่ของเราบนหน้าจอขนาดใหญ่และสรุปออกมาเป็นกราฟฟิกให้เราเข้าใจง่ายๆ เพื่อช่วยวิเคราะห์และแก้ไขท่าทางการเข้าโค้งให้ถูกต้องที่สุด

3. Gymkhana
เป็นคอร์สสอนขับขี่ในเทคนิคพิเศษ ในการขี่แบบซิกแซก, โค้ง และทางตรง เพื่อจับเวลาว่าเราจะทำได้ดีขนาดไหน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการรวมเอาทักษะที่เราเรียนมาก่อนหน้านี้มาประยุกต์เข้าด้วยกัน


“DIRT COURSE”

สำหรับในส่วนของ Dirt Course หรือว่าหลักสูตรการขับขี่แบบทางฝุ่นนั้น ถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญของทางศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า เชียงใหม่ เลยก็ว่าได้ เพราะว่าในส่วนของสนามนั้นถือว่าทั้งใหญ่และสมบูรณ์แบบเอามากๆ เรียกได้ว่าจำลองการขี่เกือบทุกรูปแบบในแนวนี้ไว้ เพื่อให้เราได้ฝึกกันจนเชี่ยวชาญ  โดยหลักสูตรก็จะถูกแบ่งย่อยออกเป็นดังนี้

1. Dirt for Kids หลักสูตรสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 – 13 ปี เพื่อฝึกพื้นฐานที่ถูกต้องและสร้างความมั่นใจ ด้วยรถที่มีขนาดและความปลอดภัยที่เหมาะสมกับเด็กในวัยนี้

2. Dirt Bike Beginner หลักสูตรเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยขี่รถในแนวนี้มาก่อน โดยจะเริ่มกันตั้งแต่พื้นฐานอย่างท่าทางในการขี่, ทรงตัว และเข้าโค้งของรถในแนวนี้ ที่เรียกได้ว่าแตกต่างอย่างมากทีเดียวกับแนว Riding (การขี่บนท้องถนนทั่วไป)

3. Dirt Bike Basic เป็นหลักสูตรที่ต่อยอดมาจาก Beginner ที่จะเน้นการควบคุมรถ และเทคนิคพิเศษสำหรับการขับขี่ในสนาม Dirt

4. Dirt Bike Experience เน้นการควบคุมรถในเส้นทางที่เป็นอุปสรรคมากขึ้นกว่าเดิม เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่มีหลากหลายรูปแบบ เช่น ทางเนินลาดชัน ทางที่มีน้ำท่วมสูง

5. Dirt Drill หลักสูตรพิเศษสำหรับการนำเอารถในแนวบิ๊กไบค์ (อย่างเช่น Honda CB500X) มาลงวิ่งบนเส้นทางวิบากแบบออฟโร้ด

หลังจากเรียนจบแล้วทางทีมงานของเราที่ลงเรียนนั้น (ซึ่งไม่เคยขี่รถแนว Dirt มาก่อน) แทบจะไปซื้อรถ Dirt มาขี่กันเลยทีเดียว เพราะมันสนุกเอามากๆ ที่สำคัญทางศูนย์ฝึกฯ เองนั้น นอกจากรถรุ่น CRF250L ที่ให้ใช้ฝึกกันแล้ว ยังมีรถอีกหลากหลายคลาสไล่ไปตั้งแต่ 50cc ขึ้นไป สำหรับฝึกเรียนในคอร์ส Dirt ให้เลือกตามความต้องการอีกด้วย  ตรงนี้เลยอยากจะเชิญชวนเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับรถในแนวนี้มาก่อนมาลงคอร์สเรียนกันให้ได้ รับรองจะติดใจ

บทสรุปจากทางทีมงาน GreatBiker
ก็บอกได้เลยว่าศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย Honda Safety Riding Park นี้เป็นศูนย์ฝึกที่สมบูรณ์แบบมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักสูตร อุปกรณ์ หรือสถานที่ และที่ต้องยอมใจทางฮอนด้าอยู่อย่างก็คือการลงทุนกับศูนย์ฝึกแห่งนี้ ที่ใช้งบประมาณไปมากกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งหากมองในแง่ของธุรกิจแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่อาจจะไม่ได้หวังผลกำไรทางตัวเลขแต่อย่างใด แต่สิ่งที่สัมผัสจากทางบุคลากรทุกท่านในศูนย์ฝึกฯ แห่งนี้นั้นชัดเจนว่าทางฮอนด้าเองนั้นมุ่งเน้นที่จะสร้างวัฒนธรรมและจิตสำนึกในเรื่องของการ “ขับขี่ปลอดภัย” เป็นหลักทั้งต่อตัวไบค์เกอร์เองและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ซึ่งการขับขี่ปลอดภัยก็ต้องมาจากพื้นฐานในการขับขี่ที่ถูกต้อง และจะต่อยอดทักษะตรงนี้ไปสู่การขับขี่ในขั้นสูงได้ ทำให้นอกจากจะได้ความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้เราขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้สนุกและมันส์มากๆ อีกด้วย ตรงนี้ถือว่าเป็นผลประโยชน์กับทางไบค์เกอร์ชาวไทยเราอย่างแท้จริง

Honda Safety Riding Park เชียงใหม่

99 หมู่ 1 ตำบลตลาดขวัญ อำเภอดอยสะเก็ด
จังหวัดเชียงใหม่ 50220
สอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลของหลักสูตรต่างๆ เพิ่มเติม โทร 053-294-999


http://hondasafetyridingpark.aphonda.co.th/

FAN PAGE

“รีวิวแบบเจาะลึกกับ Honda Safety Riding Park ในรูปแบบวิดีโอ ตามคลิปด้านล่างนี้เลย”

ขอขอบคุณทาง A.P. Honda สำหรับโอกาสในการเข้าร่วมเรียนคอร์สและการทำรีวิวในครั้งนี้