Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

Honda เปิดตัว CBR250RR MY 2018 อย่างเป็นทางการ ราคาถูกลงกว่าเดิม!

CBR250RR-2018-details-8

เรียกว่าเป็นไปตามคาด เมื่อทาง AHM หรือฮอนด้าประเทศอินโดนีเซียได้ทำการเปิดตัวเวอร์ชั่นล่าสุดของ CBR250RR MY 2018 กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแบบสดๆ ร้อนๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นสีสีนใหม่ล่าสุดแล้ว ประเด็นที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือในเรื่องของราคานั้น ถูกลงกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้เสียด้วย!!!

Noi2Sb.jpg

ซึ่งการเปิดตัวนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซียกับรถในแนวสปอร์ตเรพลิก้าที่สร้างความฮือฮากันมาก่อนหน้านี้ และเป็นที่ต้องการของเหล่าไบค์เกอร์ในประเทศไทยหลายต่อหลายคน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการนำมาขายบ้านเราเสียที ซึ่งล่าสุดกับเวอร์ชั่นที่เปิดตัวกันไปนั้น จะมีอยู่ทั้งหมด 3 สีใหม่ด้วยกันก็คือสีแดงล้วน (Red Maroon), แดง-ขาว (Racing Style) และดำ (Freedom Black) โดยราคานั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพร์สประจำงานเปิดตัวเลย เพราะโดยรวมแล้วถูกลงกว่าเดิม ซึ่งราคานั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสี ซึ่งสีดำรุ่นไม่มี ABS (Freedom Black) นั้นจะถูกที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 166,000 บาท จากที่เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ตัวถูกที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 170,000 บาท ซึ่งสีอื่นๆ ก็จะมีราคาขยับขึ้นไปอีกนิดนึงตามลำดับ โดยที่เวอร์ชั่น ABS ก็จะยังคงเป็นตัว TOP ที่ราคาสูงที่สุดเช่นเดิม

NoiA59.jpg

ทางด้านคุณ โทมัส วิจายา ผู้บริหารด้านการตลาดของ AHM ได้กล่าวในงานเปิดตัว CBR250RR MY 2018 ว่า “เราได้ตระหนักดีว่ารถสปอร์ตเรพลิก้า ในระดับเอนทรี่คลาสอย่าง CBR250RR นั้นเป็นโมเดลที่พิืเศษและมีคาแรกเตอร์เป็นตัวของตัวเองสูงมากๆ นั่นทำให้เป็นที่ต้องการของเหล่าผู้บริโภคในวงกว้าง  สีสันใหม่ที่ออกมานั้นจะบ่งบอกถึงสไตล์ของไบค์เกอร์แต่ละคนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแล้วการปรับทำราคาใหม่ออกมานั้น ก็เชื่อว่าจะเป็นการเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม”

NoiPHJ.jpg

โดยสเปกของ CBR250RR MY 2018 นั้นยังคงเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิมแบบ DOHC 4 จังหวะ 8 วาว์ล ขนาด 249.7 cc แบบ 2 สูบเรียง มีขนาดกระบอกสูบเท่ากับ 62.3 mm และช่วงชัก 41.4 mm อัตราส่วนแรงอัดเท่ากับ 11.5:1 โดยที่รอบสูงสุดของตัวเครื่องยนต์นั้นจะอยู่ที่ 16,000 รอบต่อนาที และที่สำคัญ Red Line อยู่ที่ 14,000 รอบต่อนาที เรียกได้ว่าจัดจ้านเอามากๆ สมกับรหัส RR ตัวเครื่องยนต์นั้นจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ที่เป็นเอกสิทธิ์ของทาง Honda ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำและพัดลมอัตโนมัติ ในส่วนของทอร์คและแรงม้าสูงสุดนั้นยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาในขณะนี้ ตัวรถขับเคื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีดแบบ 1-N-2-3-4-5-6 สตาร์ทมือไฟฟ้า คลัทช์เป็นแบบเปียกทำงานร่วมกับคอยล์สปริง ในส่วนของน้ำมันเครื่องนั้นมีความจุอยู่ที่ 1.9 ลิตรด้วยกัน โช้คอัพด้านหน้านั้นใช้แบบหัวกลับ (Upside Down) ส่วนด้านหลังเป็นแบบอลูมิเนียมบานาน่าสวิงอาร์ม Pro-Link ที่สามารถปรับระดับได้ถึง 5 ระดับด้วยกัน ระบบเบรกนั้นด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบไฮดรอลิก 2 ลูกสูบ ด้านหลังเป็นแบบไฮดรอลิก 1 ลูกสูบ และสเปคของยางรถนั้นด้านหน้ามีขนาด 110 / 70-17 54s (tubeless) และด้านหลังมีขนาด 140 / 70-17 66s (tubeless) และมีโหมดในการขับขี่มาให้เลือกกันอยู่ 3 โหมดด้วยกันคือ Comfort, Sport และ Sport + โดยที่โหมด Comfort นั้นกำลังของตัวรถจะถูกดรอปลงมา ในขณะที่โหมด Sport และ Sport + จะเปิดกำลังให้มากที่สุดตามประสิทธิภาพของตัวรถเลย เพียงแต่ว่าโหมด Sport นั้นจะมีการไต่ความเร็วที่ราบลื่นนุ่มนวลกว่า แต่ Sport + จะอัดกันเต็มกำลังในแต่ละเกียร์เลย ซึ่งแน่นอนว่ามันจะไม่นุ่มนวลเท่าไหร่ แต่รับรองว่าฟีลลิ่งแบบรถที่แข่งกันในสนามมาเต็มอย่างแน่นอน

ส่วนบ้านเราก็รอลุ้นรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งในคลาส 300 กันต่อไปจากทาง Honda เชื่อว่าปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงตรงนี้กัน หากว่ามีความคืบหน้าทางเราจะรีบรายงานโดยด่วน

ขอบคุณภาพและข้อมูลประกอบจาก http://tmcblog.com/