Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

Husqvarna Svartpilen 250 และ Vitpilen 250 เตรียมเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้ คาดราคาแสนต้นๆ !

ก่อนหน้านี้ที่มีการเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการไปที่ประเทศอินเดีย กับรถมอเตอร์ไซค์จาก Husqvarna ในรุ่น Svartpilen 250 และ Vitpilen 250 ที่เคาะราคามาอยู่ที่ 180,000 รูปีหรือประมาณ 79,500 บาทไทย โดยทั้ง 2 รุ่นนี้กำลังมีแพลนที่จะเปิดตัวกันในประเทศไทยอีกไม่นานนี้ด้วย

มาทำความรู้จักกับค่าย Husqvarna (ฮุสควาน่า) กันก่อน โดยพวกเขานั้นเป็นค่ายสัญชาติสวีเดน และถูกเทคโอเวอร์จากทาง KTM โดยชื่อรุ่น Svartpilen (สวาร์ทพิเล่น) นั้นแปลว่าลูกศรสีดำ และชื่อรุ่น Vitpilen (วิทพิเล่น) นั้นแปลว่าลูกศรสีขาว ซึ่ง Husqvarna Svartpilen 250 และ Vitpilen 250 นั้นเป็นการนำเอา Svartpilen 401 และ Vitpilen 401 รุ่นย่อส่วนของ Svartpilen 701 และ Vitpilen 701 โดยได้เลือกใช้งานเครื่องยนต์ขนาด 248.8 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเจ้าเครื่องยนต์บล็อกนี้ ก็เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับที่อยู่ใน KTM Duke 250 นั่นเอง โดยสามารถสร้างแรงม้าสูงสุดได้ 30 แรงม้า (BHP) ที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบต่อนาที

Husqvarna Svartpilen 250 และ Vitpilen 250

สำหรับโครงสร้างหลักของทั้งสองโมเดลนั้น จะมาในรูปแบบของ Chromium molybdenum steel frame ที่ดูบึกบึนแข็งแรง ระบบกันสะเทือนหน้าหลังจากแบรนด์ WP โดยในด้านหน้านั้นจะเป็นแบบหัวกลับ Upside Down ขนาด 43 มิลลิเมตร โดยที่ด้านหลังนั้นจะเป็นแบบ Monoshock ปรับระดับได้ ระบบเบรกหน้าและหลังเป็นแบบดิสก์เดี่ยว โดยที่มีระบบความปลอดภัย ABS แบบ Dual Channel (หน้าหลัง) ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ทำงานร่วมกับปั้มเบรกของ Bybre

2020 Husqvarna Swvartpilen 250

ส่วนเรื่องความแตกต่างของทั้งสองรุ่นนั้น Svartpilen 250 จะมาในรถมอเตอร์ไซค์รูปแบบของ Street-Tracker ที่จะเน้นการขับขี่แบบกึ่งถนนปกติและทางฝุ่นที่สามารถลุยได้ในระดับหนึ่ง โดยมี ground clearance ที่สูงจากพื้นอยู่ 145 มิลลิเมตร มีน้ำหนักเบาเพียง 154 กิโลกรัม แบบไม่รวมของเหลว ส่วน Vitpilen 250 นั้น จะมาในรูปแบบของมอเตอร์ไซค์ Street-Cafe ที่เน้นการใช้งานบนถนนปกติเป็นหลัก มีการวางตำแหน่งแฮนด์ที่ต่ำกว่า Svartpilen 250 เน้นท่าทางการขับขี่ที่สปอร์ตกว่า และทั้งสองโมเดลยังเน้นในเรื่องของการ Custom ในรูปแบบที่หลากหลาย ตามแต่แนวทางของผู้ครอบครองอีกด้วย

คาดการณ์ว่าราคาที่จะวางขายในประเทศไทย จะต้องบวกภาษีนำเข้าและค่าขนส่งไปอีกประมาณหนึ่ง ทำให้คาดว่าราคาในการเปิดตัวบ้านเรานั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 110,000 – 130,000 บาท โดยเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่ให้มาแล้วก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว