Jorge “99” Lorenzo ชีวิตที่เหมือนเทพนิยาย
เชื่อว่าแฟนๆ รายการมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกอย่าง MotoGP ทุกคนต้องรู้จักชื่อของ Jorge Lorenzo นักบิดหน้าขรึมชาวสเปน ที่มีฉายาย้อนแย้งว่า “เจ้าอมยิ้ม” เจ้าของแชมป์โลก 5 สมัย ซึ่งปีหน้า “เจ้าอมยิ้ม” จะย้ายไปอยู่กับทีมที่เรียกได้ว่าดีที่สุดทีมหนึ่งใน MotoGP อย่างทีม Repsol Honda และกว่าจะมาถึงวันนี้ Lorenzo ต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง เราทีมงาน GreatBiker จะขอพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักตัวตนในอดีตในแง่มุมของนักแข่งที่ถือว่า “เร็วที่สุด” ในประวัติศาสตร์ MotoGP กันครับ
Jorge Lorenzo Guerraro เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1987 ที่เมือง Palma de Mallorca เมืองชายฝั่งในประเทศสเปน เริ่มแข่งในระดับ 125 cc เมื่อปี 2002 กับทีม Caja Madrid Derbi Racing ใช้หมายเลข 48 เป็นหมายเลขประจำตัว ปีแรกของการเป็นนักแข่งมืออาชีพ เค้าพลาด 2 สนามแรกเนื่องจากอายุของ Lorenzo ยังไม่ถึง 15 ปี แต่พอถึงเวลาจริงเค้ากลับตื่นสนาม ความกดดันถาโถมใส่เค้าส่งผลให้เค้าจบอันดับที่ 21 จากจำนวนผู้เข้าแข่งทั้งสิ้น 30 คัน โดยมีผู้แข่งไม่จบถึง 4 คน Lorenzo ต้องการคะแนนเป็นอย่างมากเพื่อจะไล่ตาม 50 คะแนนที่ทำหายไปในสนามแรกๆ เมื่อฤดูกาลจบลง Lorenzo เหมือนจะมีความผูกพันกับเลข 21 เค้าลงแข่งสนามแรกจบที่อันดับ 21 จบฤดูกาลเค้าทำไปได้ 21 คะแนน และได้คะแนนรวมอันดับที่ 21
ฤดูกาล 2003 ฤดูกาลที่ 2 ของ Lorenzo ยังคงสังกัดกับทีมเดิมใช้หมายเลขเดิมแต่ที่เพิ่มเติมมาคืนคะแนน ในฤดูกาลนั้น Lorenzo ได้รับชัยชนะครั้งแรกในฐานะนักแข่งมืออาชีพ ที่สนาม Cinzano Rio Grand Prix ที่กรุง Rio de Janeiro ประเทศ Brazil เค้าเริ่มสตาร์ทที่อันดับ 5 เค้าไล่แซง Dani Pedrosa Alex de Angelis Andrea Dovizioso และ Gábor Talmácsi เข้าเส้นชัยที่อันดับ 1 ขึ้นไปฉลองบนโพเดียมได้สำเร็จ และไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียว Lorenzo สามารถขึ้นไปยืนบนโพเดียมอีกครั้งหลังจบที่อันดับ 3 ในสนาม Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย ทำให้ฤดูกาลนั้นเค้าทำไปได้ 79 คะแนนจบที่อันดับที่ 12 โดยแชมป์โลก 125 cc ในปีนั้นก็คือ Dani Pedrosa
ฤดูกาล 2004 ฤดูกาลที่ 3 กับทีมเดิม รถคันเดิม หมายเลขเดิม และเหมือนเดิมเค้าพัฒนาขึ้น!! ในสนามสุดท้ายของฤดูกาล Circuit de Valencia เป็นการแย่งชิงอันดับที่ 3 ในคลาส 125 cc Roberto Locatelli จาก Aprilia คือผู้ท้าชิง ในขณะนั้น Lorenzo มีคะแนนตามหลังอยู่ 3 คะแนนขอเพียงเค้าชนะ Locatelli เค้าจะคว้าที่ 3 ทันที แต่น่าเสียดาย Lorenzo รถของเค้าเกิดความผิดพลาดจนไม่สามารถทำการแข่งขันต่อไปได้ ปล่อยให้ Locatelli เข้าเส้นชัยไปในอันดับที่ 6 คว้าอันดับ 3 ไปประดับตู้โชว์ที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย..
ในปี 2006 เค้าตัดสินใจย้ายไปสังกัดทีม Fortuna Honda ในคลาสที่สูงขึ้น 250 cc จบฤดูกาลที่อันดับ 6 และในปี 2007 ฤดูกาลแห่งความสำเร็จก็มาถึง Lorenzo ควบเจ้า Aprilia RSW 250 คว้าแชมป์โลก 250 cc ให้สังกัด Fortuna Aprillia ได้สำเร็จ แต่เหมือนเค้ายังไม่พร้อมกับ MotoGP ในการแข่งขันฤดูกาล 2008 เค้าตัดสินใจอยู่ในคลาส 250 cc ต่ออีก 1 ปี และเปลี่ยนหมายเลขจาก 48 เป็น หมายเลข 1 ดูเหมือนจะเป็นการตอกย้ำความสามารถของเด็กหนุ่มคนนี้เค้าคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ให้ตัวเอง จนกระทั่งปี 2008 Lorenzo ได้สัญญา 2 ปีจากทีม Yamaha ให้เป็นเพื่อนร่วมทีมของสุดยอดนักบิดชาวอิตาลีอย่าง Valentino Rossi ในระดับ MotoGP และ Lorenzo ก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือ
ปี 2008 Lorenzo กลับมาใช้หมายเลข 48 อีกครั้ง และมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม เค้าสามารถคว้าชัยชนะได้ 1 สนาม ขึ้นโพเดียมไป 6 ครั้ง ได้ออกสตาร์ทในแถวหน้าสุด 1 ครั้ง จบฤดูกาลที่อันดับ 4 ช่วยให้เพื่อนร่วมทีมคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ และในฤดูกาล 2009 Lorenzo เปลี่ยนมาใช้หมายเลข 99 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับที่ 2 และเพื่อนร่วมทีมของเค้า Rossi ได้แชมป์โลก เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของเค้าและทีม Yamaha ในฤดูกาล 2010 เป็นปีที่น่าจดจำของชายผู้นี้ Lorenzo ประกาศศักดาคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จมีชัยเหนือ Dani Pedroza และ Valentino Rossi เพื่อนร่วมทีม ดูเหมือน Lorenzo จะไม่ใช่มือสองของทีมอีกต่อไป …
ในปี 2011 Lorenzo เริ่มฤดูกาลด้วยการใช้หมายเลข 1 และได้เพื่อนร่วมทีมคนใหม่ Ben Spies ผู้มาแทน Rossi ที่ย้ายไปสังกัด Ducati และฤดูกาลนี้เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ดีของ Lorenzo ตลอดทั้งฤดูกาลเค้าและ Casey Stoner ที่ตอนนั้นอยู่กับ Honda ขับเขี้ยวเพื่อแย่งอันดับ 1 จนมาถึงสนามที่ 16 Phillip Island Grand Prix Circuit ประเทศออสเตรเลีย ในรอบคัดเลือก Lorenzo ประสบอุบัติเหตุรถไถลเข้าข้างทางซึ่งในตอนนั้นมือข้างซ้ายของเค้าติดอยู่ระหว่างคลัทช์กับแฮนด์ จากอุบัติเหตุนั้นทำให้ปลายนิ้วนางด้านซ้ายของเค้าขาดและปิดฉากจบฤดูกาลลงทันที ปล่อยให้ Stonner ครบแชมป์สนาม Phillip Island สนามบ้านเกิดไปครองพร้อมด้วยตำแหน่งแชมป์โลกไปครองได้อีกครั้งหลังจากทำได้กับทีม Ducati เมื่อปี 2007
ฤดูกาล 2012 ทุกอย่างกลับสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น Lorenzo กลับมาใช้หมายเลข 99 อีกครั้ง และเค้าสามารถคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง ในสนามเดิม Phillip Island ประเทศออสเตรเลีย สนามที่ 17 ของฤดูกาล ถึง Lorenzo จะเข้าเส้นชัยที่อันดับ 2 แต่การล้มของ Dani Pedroza ทำให้คะแนนห่างจนตามไม่ทัน คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 บนสนามที่สร้างความผิดหวังให้กับเค้าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในฤดูกาล 2013 การกลับมาร่วมทีมกันอีกครั้งของ Lorenzo และ Rossi และเค้าก็เลือกใช้หมายเลข 99 ในการแข่งที่สนาม Circuito de Jerez วันที่ 5 เมษายน 2013 ซึ่งตรงกับวันเกิดอายุครบ 26 ปีพอดี Lorenzo ได้รับเกียรติอย่างสูงสุดจากทางสนาม โดยการเอาชื่อของเค้าไปตั้งเป็นชื่อโค้งสุดท้ายของสนาม นับว่าเป็นของขวัญที่พิเศษที่สุดในชีวิตของเค้าเลยก็ว่าได้ แต่ในรอบการแข่งจริง Lorenzo ถูกเจ้าหนู Marc Marquez หน้าใหม่ในการแข่งขันแซงแบบเสียบในในโค้งที่ใช้ชื่อตามชื่อเค้า เหตุการณ์นี้ทำให้ Lorenzo โกรธมาก และดูเหมือนเค้าจะเอาความรู้สึกนี้มาเป็นพลังขับเคลื่อนในการป้องกันแชมป์โลกของเค้า แต่ดูเหมือนความพยายามของเค้าจะถูกโชคชะตาเล่นตลก ในรอบทดสอบของสนาม TT Circuit Assen ประเทศเนเธอร์แลนด์ Lorenzo ประสบอุบัติเหตุอีกครั้ง ทำให้ข้อต่อไหปลาร้าด้านซ้ายของเค้าหัก ด้วยความใจสู้ของเค้า Lorenzo เช่าเครื่องบินส่วนตัวเพื่อไปทำการผ่าตัดดามเหล็กที่ไหปลาร้าที่เค้าบาดเจ็บแล้วกลับมาแข่งต่อ รวมเวลาในการรักษาคือ 36 ชั่วโมงหลังจากล้ม เค้าเป็นคนเหล็กชัดๆ ถึงจะแข่งจบที่อันดับ 5 แต่สิ่งที่ Lorenzo แสดงคือการไม่ยอมแพ้ พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะคว้าคะแนนเพื่อไล่จี้ Marc Marquez แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เพียงพอ Lorenzo ล้มอีกครั้งในสนามถัดมาที่ประเทศ Germany บาดเจ็บซ้ำที่แผลเดิมทิ้ง 25 คะแนนสำคัญไป เปิดโอกาสให้ Marc Marquez คว้าแชมป์โลกแรกไปครองพร้อมกับการสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์ MotoGP ที่อายุน้อยที่สุด
ฤดูกาลที่ปวดร้าวของ Lorenzo ยังคงดำเนินต่อเนื่อง ฤดูกาล 2014 Lorenzo จบที่อันดับ 3 ผลงานโดยรวมไม่ถึงกับแย่ซะทีเดียว ได้แชมป์ไป 2 สนาม ขึ้นโพเดียม 11 ครั้ง เพียงแต่มันไม่เพียงพอต่อการจะเป็นแชมป์โลก ในฤดูกาล 2015 ฤดูกาลที่แฟนๆ Yamaha ลืมกันไม่ลง กับการขับเขี้ยวกันเองระหว่างสองนักบิด “เจ้าอมยิ้ม” Jorge Lorenzo และ “พ่อหมอ” Valentino Rossi โดย Lorenzo ก็ทำสำเร็จอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์โลกมาครองได้เป็นสมัยที่ 3 ในระดับ MotoGP เค้าชนะถึง 7 สนาม ขึ้นไปฉลองบนโพเดียม 12 ครั้ง ทำคะแนนปาดหน้าเพื่อนร่วมทีมอย่าง Rossi ไป 5 คะแนน มาถึงฤดูกาล 2016 ฤดูกาลสุดท้ายของเค้ากับทีม Yamaha เค้าทำตามหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้สื่อหรือแฟนๆ หลายคนมองว่าเค้าไม่เต็มที่กับการทำงานเท่าไหร่นัก Lorenzo จบฤดูกาลที่อันดับ 3 โบกมือลาทีมที่เค้าสังกัดตลอด 9 ปีในการแข่งขัน MotoGP เพื่อไปอยู่กับทีมจากอิตาลีอย่าง Ducati
ปี 2017 ปีที่เรียกได้เต็มปากว่า “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” กับสังกัดใหม่ Ducati ดูเหมือนอะไรๆ ก็ไม่ค่อยเป็นใจให้กับ “เจ้าอมยิ้ม” มากนัก Lorenzo ได้รถที่ถือว่าแรงที่สุดในสนามการแข่งขันปีนั้น กับเจ้า Ducati Desmosedici GP17 แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรถได้ การแข่งขันแต่ล่ะสนามเลยออกไปทางลบสักหน่อย แต่ก็ยังมีดีพอที่จะคว้าโพเดียมไปได้ 3 ครั้ง จากการแข่งขันทั้งสิ้น 18 สนาม มีคะแนนสะสมที่ 137 คะแนน และ 137 คะแนนนี้เป็นการเก็บคะแนนทั้งฤดูกาลที่น้อยที่สุดของเจ้าตัวตั้งแต่ขึ้นมาสู่ระดับพรีเมียร์อย่าง MotoGP น้อยกว่าฤดูกาล 2008 ฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวขึ้นมา MotoGP เป็นปีแรก และจบฤดูกาล 2017 ด้วยอันดับที่ 7 อันดับต่ำกว่าฤดูกาลแรกที่จบด้วยอันดับที่ 4 สวนทางกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง Andrea Dovizioso นักบิดอิตาเลี่ยนที่เกือบจะคว้าแชมป์โลกให้ Ducati ได้หลังจากบดกับ Marc Marquez มาตลอดทั้งฤดูกาล แต่มาพลาดที่สนามสุดท้าย ยกแชมป์ให้ Marquez ไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ในความล้มเหลวนี้ยังมีความหวัง ในฤดูกาล 2018 Jorge Lorenzo กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากผ่านไปแล้ว 11 สนาม เจ้าตัวเก็บ 25 คะแนนเต็มไปได้ 3 ครั้ง อันดับที่ 2 อีก 1 ครั้ง มี 130 คะแนน เบียด Andrea Dovizioso เพื่อนร่วมทีมขึ้นมายืนอันดับที่สามในตารางคะแนนสะสม และช่วงเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา Jorge Lorenzo ก็ประกาศอำลาทีม Ducati หลังจบฤดูกาล 2018 เพื่อไปร่วมทีมคู่แข่ง Repsol Honda โดยมีเพื่อนร่วมทีมเป็นแชมป์โลก 6 สมัย Marc Marquez ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทั้งในสนามและนอกสนาม หนทางของ “เจ้าอมยิ้ม” ยังอีกยาวไกลนัก ด้วยอายุอานามที่ยังไม่ถือว่าแก่เกินแกง เพียง 31 ปี อย่างน้อยๆ เราก็น่าจะได้เห็นเค้าในสนาม MotoGP ต่อไปอย่างน้อยๆ 2-3 ปี เป็นอยางต่ำแน่ๆ
เรื่องจริงของ Jorge Lorenzo ที่คุณอาจไม่รู้
– ฉายา “เจ้าอมยิ้ม” เป็นฉายาที่สื่อไทยตั้งให้กับ Lorenzo ตามสปอนเซอร์บนหมวกที่เค้าใช้ในการแข่งขันในช่วงเริ่มต้น เป็นอมยิ้มยี่ห้อ Chupa Chups
– ฉายาที่แท้จริงของ Lorenzo คือ X-Fuera เป็นภาษาสเปนที่แปลง่ายๆ ว่า “โคตรเหนือชั่น” และตัว X นำหน้านั้นก็จะเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของเค้าเสมอๆ
– ปี 2006 ในยุคที่แข่งในระดับ 250 ซีซี Jorge Lorenzo กลายเป็นนักบิดประวัติศาสตร์ของสเปนด้วยการคว้าไปได้ 10 Pole Position 10 ครั้งใน 1 ฤดูกาลได้เป็นคนแรก
– ปี 2007 ปีสุดท้ายในระดับ 250 ซีซี ด้วยชัยชนะทั้งสามฤดูกาล 17 ครั้ง กับอีก 29 โพเดียม 762 คะแนน มำให้ Jorge Lorenzo เป็นนักบิดจากสเปนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาลในระดับ intermediate class
– ปี 2008 Jorge Lorenzo ได้ออกหนังสือ ‘Jorge Lorenzo: por fuera desde dentro’ หนังสืออัตชีวประวัติของตนเอง โดยได้ Ernest Riveras นักเขียนชาวสเปนมาช่วยเรียบเรียงให้
– มกราคม 2010 Jorge Lorenzo ได้รับเกียรติให้เป็นทูตช่วยเหลือจากองค์กร Oxfam International ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ
– Lorenzo มีงานอดิเรกคือการเล่นเกมซึ่งเกมที่เค้าชอบเล่นกลับไม่ใช่เกมแข่งรถหรือเกี่ยวกับความเร็ว เค้าหลงใหลเกมส์ Halo เป็นอย่างมาก ในปี 2009 Lorenzo เคยขอให้ X-Lite สปอนเซอร์หมวกกันน็อคออกแบบลวดลายของเกม Halo เพื่อให้เค้าใส่ในการลงแข่งขันสนามสุดท้ายที่วาเลนเชียอีกด้วย
– จนในปี 2010 Burgie ค่ายผู้พัฒนาเกม Halo : Reach ได้สร้างตัวละคร Jorge Lorenzo ใส่ไว้ในเกมส์ภาคนี้ ทั้งใบหน้าและชุดแข่งถอดแบบมาเหมือนทุกระเบียดนิ้ว
– ในปีเดียวกันนี้ Jorge Lorenzo ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่อันตรายที่สุดในโลก Isle of Man TT โดยเข้าร่วมในฐานะของผู้นำขบวนพาเรด ในวันเปิดสนาม ไม่ได้ลงทำการแข่งขันแต่อย่างใด
– ในปี 2011 ที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเชีย Lorenzo เป็นนักแข่งคนแรกที่วิ่งเข้าไปกอดแสดงความเสียใจและร้องไห้กับ Pablo Simoncelli พ่อของ Marco Simoncelli อริที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันในสนามการแข่งขันและประกาศไม่ญาติดีกับ “The SIC” ตั้งแต่ปี 2009 หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของ Marco Simoncelli
– ในปี 2013 และ 2014 Lorenzo ได้สปอนเซอร์หมวกกันน็อคเพื่อการแข่งขันที่สนาม Valencia อีกครั้ง โดยครั้งนั้น เจ้าตัวได้หมวกกันน็อคลาย Call of Duty : GHOST ในปี 2013 และลาย Call of Duty : Advanced Warfare ในปี 2014
– ปี 2015 Zopo แบรนด์โทรศัพท์สมาร์ทโฟนจากประเทศจีน ได้ผลิตโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษ Zopo Spedd 7 GP โดยใช้ Lorenzo เป็นจุดขาย
– ปี 2019 ปีที่ Jorge Lorenzo จะเข้าไปเป็นสมาชิกของทีม Repsol Honda ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทีมจะมีนักแข่งสองคนที่เคยเป็นแชมป์โลก MotoGP อยู่ในทีมเดียวกัน และ Lorenzo จะเป็นนักแข่ง Full Time ลำดับที่ 9 ของทีมตั้งแต่ก่อตั้งทีมมาในปี 2002
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com www.thefamouspeople.com www.motorsport.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.