Kawasaki ยื่นขอ Widecard การแข่ง MotoGP กับ Dorna
Kawasaki ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศญี่ปุ่นที่ห่างหายจากการแข่งขัน MotoGP ไปกว่า 20 ปี อยู่ดีๆ ก็เกิดประเด็นกับทาง Dorna เกี่ยวกับของ Widecard ในการแข่งขัน MotoGP ในฤดูกาล 2020 สนามใดสนามหนึ่ง จนทำให้ Carmelo Ezpeleta หนึ่งใน CEO ของ Dorna ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้
Carmelo Ezpeleta ได้ให้สัมภาษณ์กับ GPOne ไว้ว่า “จริงที่ Kawasaki มาของ Widecard สนามแรกที่กาตาร์ แต่ผมตอบไปง่าย “ไม่” เพราะการขอใช้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันนั้นตามกฎแล้วคุณจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของโรงงานในการส่งแข่งขันแบบเต็มฤดูกาล และรถที่จะใช้แข่งนั้นจะต้องเป็นรถแข่งจริงๆ ไม่ใช่เอารถ Superbike มาเข้าร่วมการแข่งขัน คุณต้องเข้าใจความต่าง และผมคงต้องไปหลัง Paddock ของ WorldSBK และชี้ให้เค้าเห็นว่าคุณยืนอยู่ในระดับลีกรองเท่านั้น”
ดูเหมือนว่า Kawasaki นั้นค่อนข้างคาดหวังที่จะได้สิทธิ์ในการลงสนามที่ Motegi ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ในสนามการแข่งขันที่ไม่มีในปฎิทินการแข่งของรายการ WorldSBK2020 และดูเหมือนว่ายักษ์เขียวนั้นมีเจตนาที่จะนำเอา ZX-10RR รถแข่งในเวที WorldSBK ขึ้นมาประลองความเร็วกับรถแข่งใน MotoGP
Kawasaki ล่ะทิ้งการแข่ง MotoGP ไปหลังจบฤดูกาล 2008 โดยให้เหตุผลเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจโลก แต่ยังคงมีทีมแข่ง Satellite ยังใช้งาน Kawasaki ZX-RR ลงทำการแข่งขันในฤดูกาล 2009 แต่ก็ใช้ลงแข่งขันตามสัญญาเดิมที่ทำไว้กับค่ายเท่านั้น พอเริ่มฤดูกาล 2010 ทีม Hayate Racing Team ก็กลับไปแข่งในระดับ Moto2 และเปลื่อนชื่อทีมเป็น Forward Racing ในปัจจุบัน
จากการยื่นขอครั้งนี้ของ Kawasaki นั้นค่อนข้างจะย้อนแย้งกับการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ของ Yoshimoto Matsuda หัวหน้าโครงการพัฒนา ZX-10RR ของทางค่ายที่มองว่า MotoGP นั้นเป็นการแข่งขันราคาแพง และไม่เหมาะสมกับ Kawasaki แต่ทำไมทางต้นสังกัดกลับพยายามขอสิทธิ์ในการเข้าแข่งในครั้งนี้ ถ้าเทียบในประสิทธิภาพของรถแข่งของสองรายการนั้น นับว่ามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เทียบง่ายๆ กับเวลาในสนามรอบ Qualify ใน MotoGP กับรอบ Superpole ใน WorldSBK ที่สนาม Jerez ประเทศสเปน ที่อยู่ในปฎิทินการแข่งของทั้งรายการ โดยนับจากผลงานล่าสุดฤดูกาล 2019 ที่ผ่าน Jonathan Rea กดเวลาบน Kawasaki ZX-10RR คว้า Superpole ไปด้วยเวลา 1’38.247 นาที ซึ่งเมื่อเทียบกับ Fabio Quartararo นักแข่งที่คว้า Pole Position ไปครองได้ด้วยเวลา 1’36.880 นาที ห่างกันหนึ่งวินาทีเศษๆ แต่ถ้ามองในภาพรวมแล้วเวลาที่ Rea ทำได้นั้นจะถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 19 จาก 24 นักแข่งในรายการ MotoGP ทำให้เห็นความต่างได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
แล้วความต้องการที่แท้จริงของ Kawasaki ในเรื่องนี้คืออะไร ไม่มีใครทราบแน่ชัดแล้วคนจะเดากันไปต่างๆ นาๆ แต่ถ้าจะให้เราวิเคราะห์แล้วล่ะก็ Kawasaki เองคงไม่อยากหวังผลชนะอะไรมากมาย เพราะในความเป็นจริงแล้วการเอาชนะรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการแข่งขันโดยตรงกับรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขายในจำนวนมากแล้วถูกดัดแปลงเอามาแข่งขันความแตกต่างมันก็เยอะอยู่ ถึงจะแพ้แบบหลุดลุ่ยก็คงไม่มีคำตำหนิอะไรออกมา แต่ถ้าเกิดทำอันดับได้ดีหรือว่าพลิกคว้าโพเดียมได้ขึ้นมา กระแสในเชิงการตลาดของ Kawasaki น่าจะพุ่งมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะผู้ควบคุมนั้นไม่อนุญาตให้มันเกิดขึ้น ณ ตอนนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.visordown.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.