เปิดตัว Kawasaki Ninja ZX-4RR รถสปอร์ต 399cc 4 สูบเรียง อย่างเป็นทางการ
Kawasaki USA ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในงานนี้ผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 4 รุ่น เป็น Jetski ซะ 2 รุ่น และมอเตอร์ไซค์อีก 2 รุ่น โดยรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกับ ZX-4RR ในครั้งนี้ก็คือ H2 SX SE ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ทำให้เราแปลกใจไม่น้อย
เรามาดูข้อมูลของเจ้า Kawasaki Ninja ZX-4RR ตัวรถมาพร้อมกับรูปแบบของรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง Sport-Replica เต็มรูปแบบ พร้อมลงสนามแข่งตั้งแต่ออกจากโรงงาน ตัวถังรถจะมีการออกแบบที่รักษา DNA ของซีรี่ส์ Ninja ของทางค่ายไว้ รูปร่างอาจจะดูคล้ายกับรุ่นพี่ที่มีความจุน้อยกว่าอย่าง ZX-25R แต่ตัวรถมาพร้อมกับขุมกำลังที่มีความจุมากกว่า
สเปกของเครื่องยนต์นั้น จะมาพร้อมกับขุมกำลังขนาด 399 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง 4 จังหวะ แบบ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักจะอยู่ที่ 57.0 x 39.1 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.6 : 1 เชื่อมต่อด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ระบบคลัตว์มือพร้อมระบบช่วยเหลือ Assist&Slipper Clutch ส่งกำลังสุดท้ายไปยังล้อหลังด้วยโซ่ น่าเสียดายที่ผู้ผลิตไม่ได้เปิดเผยตัวเลขกำลังของเครื่องยนต์ แต่เปิดเผยตัวเลขแรงบิดที่ตัวรถทำได้ 26.5 Ib-Ft หรือราวๆ 35.25 นิวตันเมตร โดยใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงถึง 11,000 รอบต่อนาที
จากข้อมูลที่ได้มานี้ ทำให้เราลองเอามาคำนวนค่ากำลังสูงสุดของตัวรถ เมื่อเทียบกับขุมกำลังของ ZX-25R SE ที่ให้กำลังสูงสุด 50 แรงม้า (HP) ที่ 15,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.9 นิวตันเมตรที่ 14,500 รอบต่อนาที ดังนั้นเมื่อแรงบิดสูงสุดของเจ้า ZX-4RR จะอยู่ที่ 35.25 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบต่อนาที หากใช้หลักการเดียวกับ ZX-25R รอบเครื่องยนต์ที่สร้างกำลังสูงสุดได้ จะอยู่ที่ราวๆ 12,000-12,500 รอบต่อนาที และเคาะกำลังสูงสุดได้ราวๆ 60-62 แรงม้า (HP) ในขณะที่ตัวรถจะมี Redline ของเครื่องยนต์ที่ราวๆ 16,500 รอบต่อนาที โดยประมาณ
กลับมาที่ส่วนประกอบในเครื่องยนต์ของ ZX-4RR กันสักหน่อย การผลิตจัดว่าเป็นการผสานเทคโนโลยีขั้นสูงของ Kawasaki ไว้มากมาย โดยทางผู้ผลิตได้เปิดเผยว่า กระบอกสูบและลูกสูบนั้นถูกสร้างด้วยอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป พร้อมกับการเคลือบสาน Molybdenum ที่กระโปรงลูกสูบ เพื่อเพิ่มความทนทาน ด้วยขนาดกระบอกสูบที่กว้างและมีช่วงชักที่สั้นนั้น ช่วยให้การวางขนาดของวาล์วไอดีไอเสียทำได้ง่ายขึ้น Kawasaki เลือกใช้วาล์วไอดีขนาด 22.1 มิลลิเมตร และวาล์วไอเสียขนาด 19.0 มิลลิเมตร โดยการวางวาล์วจะทำมุม 24.8 องศา เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศองศาที่แคบได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการเผาไหม้และขนาดของเครื่องยนต์
ไม่เพียงเท่านั้น เพลาลูกเบี้ยวหรือ Camshafts จะถูกผลิตด้วยกระบวนการพิเศษ ทำให้มีน้ำหนักที่เบา สปริงวาล์วจะเป็นแบบ Triple-Rate การทำงานของวาล์วไอดีจะเป็นแบบสองขั้นตอน เหมือนกับวาล์วไอดีของเครื่องยนต์บน ZX-10R พร้อมกับ Flywheel ที่ผลิตขึ้นมาใหม่เน้นให้มีน้ำหนักที่เบากว่าพร้อมกับความทนทานที่ใกล้เคียงกับของเดิม อีกทั้งยังติดตั้งวาล์วปีกผีเสื้ออิเล็กทรอนิกส์ขนาด 34 มิลลิเมตร ที่ทำงานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์บนตัวรถ
เมื่อพูดถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ตัวรถ ZX-4RR จะมาพร้อมกับโหมดขับขี่ 3 โหมด Sport, Road และ Rain อีกทั้งยังมี Rider Mode ให้ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระบบต่างๆได้ด้วยตนเอง มี Power Mode ที่ปรับระดับได้ 2 ระดับ คือ Full และ Low โดยตัวเลือก Low จะปลดปล่อยพละกำลังของเครื่องยนต์ประมาณ 80% เพื่อใช้ในการขับขี่ในเมืองหรือย่านที่จำกัดความเร็ว ระบบ Traction Control ที่ปรับได้ 3 ระดับ ระบบ KQS (Kawasaki Quick Shifter) ช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องใช้คลัตซ์ ปรับได้ทั้งเพิ่มและลดเกียร์
มาดูระบบช่วงล่างของตัวรถกันหน่อย Kawasaki ZX-4RR มาพร้อมกับโช้คอัพหน้าหัวกลับจากแบรนด์ Showa แบบ SBig Piston Separate Function ขนาด 37 มิลลิเมตร สามารถปรับระดับ Preload และ Top-Out Spring ได้ ส่วนด้านหลังจะเป็นระบบกันสะเทือนแบบ Horizontal Back-Link Piggyback สามารถปรับได้ทั้ง Preload, Compression และ Rebound ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นแบบดิสก์คู่แบบกึ่งลอยตัวขนาด 290 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรกแบบ Monoblock 4 ลูกสูบ ด้านหลังจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรก 1 ลูกสูบ มาพร้อมกับระบบ ABS แบบ Dual Channel ขอบล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว สวมด้วยยาง Dunlop GPR300
ในส่วนของอุปกรณ์อื่นๆ บนตัวรถนั้น จะมาพร้อมกับระบบไฟ LED แบบรอบคัน หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 5 นิ้ว พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รองรับการใช้งานแอปฯ Ridnology ของทางค่าย และยังสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการแสดงผลได้ 2 รูปแบบ
ทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานบนตัวรถทั้งหมด โดยทาง Kawasaki USA ได้วางจำหน่าย ZX-4RR ในรูปแบบ KRT Edition โดยใช้ธีมสีเขียว-ดำ ที่เป็นธีมสีหลักของทีมแข่ง Kawasaki Racing Team ในรายการ WSBK เป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียว จำหน่ายในราคาแนะนำ 9,699 ดอลล่าร์หรือประมาณ 317,255 บาท ส่วนการทำตลาดในประเทศไทยนั้น คาดว่าอาจจะต้องรอกันสักหน่อย แต่อาจจะไม่ต้องรอนานจนเกินไป ไม่แน่ในงาน Motor Show 2023 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ อาจจะมีการโชว์ตัวอย่างเป็นทางการ ส่วนเรื่องราคานั้น เมื่อเทียบกับราคาของ ZX-25R ในประเทศไทย ที่จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 269,000 บาท ก็มีความเป็นไปได้ที่ ZX-4RR อาจจะเริ่มต้นที่ราคาราวๆ 329,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.rideapart.com www.kawasaki.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.