Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

เจาะลึกรายละเอียดและเปรียบเทียบ Kawasaki Z H2 และ Ninja H2!!!

gzQplW.jpg
หลังจากได้เห็นการเปิดตัวกันไปแล้วกับสุดยอดเนกเก็ตแห่งยุคอย่าง Kawasaki Z H2 ที่มาพร้อมกับระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จ และในรูปลักษณ์ที่ถูกใจวัยโจ๋ มันมีอะไรเหมือนหรือแตกต่างกับ Ninja H2 รุ่นพี่ซุปเปอร์ชารจ์ของมันบ้าง มาดูกันเลย

หลังจากเห็นข่าวคราว ข่าวลือ และวิดีโอตัวอย่างต่างๆ เราก็ได้เห็นตัวจริงเสียงจริงของ Kawasaki Z H2 กันเสียที โดยมันจะกลายเป็นพี่ใหญ่แห่งตระกูล Z ยุคใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าการออกแบบของมันจะเป็นแนวทางในการออกแบบรถรุ่นเล็กถัดรองลงมา ในตระกูลนี้ในอนาคต แต่คงจะไม่รวมไปถึงเทคโนโลยีอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จ ที่คงจะต้องสงวนสิทธิ์ไว้ให้กับพี่ใหญ่คันนี้ไปอีกพักใหญ่ๆ

gzQJB1.jpg

ในรายละเอียดของ Z H2 คันนี้ใช้เครื่องยนต์ 998cc ติดตั้งระบบอัดอากาศ Supercharged เพื่อเพิ่มกำลังแรงม้าแรงบิด โดยเครื่องยนต์ลูกนี้แน่นอนว่าเป็นตัวเดียวกับรุ่นพี่องของมันอย่าง Ninja H2 SX โดยในสเปคจากทางยุโรปนั้นได้เคลม ว่า มันให้กำลังสูงสุด 197.3 แรงม้า (hp) ที่ 11,000 รอบต่อนาที ในขณะที่ยังไม่ได้อัดอากาศ และให้แรงบิดสูงสุดเทียบเท่ากับ Ninja H2 SX แต่จะมาเร็วกว่า 1,000 รอบอ ที่ 137 นิวตันเมตร (Nm) ที่ 8,500 รอบต่อนาที โดยทาง Kawasaki ได้กล่าวว่าพวกเขา ได้ทำการปรับปรุงเรื่องของช่องไอดี ไอเสีย และปรับปรุงหัวฉีดน้ำมัน ทำให้มันมีแรงบิดที่ดีขึ้นในช่วงรอบต่ำถึงกลาง

gzQFcJ.jpg

ด้วยช่วง final gear ที่สั้นลง และคอท่อ header ที่ยาวขึ้น ส่งผลให้สมรรถนะในรอบต่ำถึงกลางดีขึ้นด้วย รวมไปถึงค่าไอเสียเครื่องยนต์ก็ได้รับการปรับปรุงให้สามารถผ่านมาตรฐาน EURO5 ด้วยเช่นกัน ซึ่งพวกเขาทำได้โดยไม่ต้องขยายห้องเผาไหม้เพื่อเพิ่มกำลัง ชดเชยกับกรองไอเสียที่ใหญ่ และช่วง collector ที่ยาวขึ้น ส่วนตัวเก็บเสียงก็ยังคงใหญ่เหมือนเคย โคยสุดยอดเครื่องยนต์นี้ก็มาพร้อมกับชุดเกียร์ 6 Speed ที่มีระบบ slipper clutch เพื่อช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น

gzU5JW.jpg

ถึงแม้ Z H2 คันนี้จะใช้เครื่องยนต์เดียวกับตัว Ninja แต่ว่าโครงสร้างหลัก หรือ Main Frame ของรถนั้นกลับไม่เหมือนกัน โดย Kawasaki ได้ออกแบบโครงใหม่เพื่อที่จะให้มันมีความสมดุล มีความแข็งแรง และยืดหยุ่น กับท่าขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์ รวมไปถึงการออกแบบจุดเชื่อมต่างๆ ทั้ง rake angle, ระยะโช๊คหน้า, ระยะฐานล้อ ต่างถูกปรับตั้งมาให้เหมาะสมกับกับการควบคุมในช่วงความเร็วต่ำถึงกลางนั่นเอง

ในช่วงหน้าของ Z H2 ใช้โช๊คหน้าจาก Showa SFF-BP ที่สามารถปรับระยะพรีโหลดและความแข็งได้ และก็ใช้โช๊ค Showa ในการการซับแรงสวิงอาร์มจาก Uni Trak อีกด้วย คลิเปอร์เบรกหน้าจาก Brembo radial-mount M4.32 แบบ monoblock

gzQaTg.jpg

ชุดอิเล็กทรอนิกส์มาพร้อมกับระบบ Inertial Measuring Unit หรือ IMU ชนิด 6 แกน จาก Bosch เพื่อวัดและปรับค่าต่างๆของรถให้เหมาะสมกับสถานการณ์ อีกทั้งยังมีโหมดการขับขี่มาให้เลือกด้วยกันถึง  4 โหมด ได้แก่ Sport, Road, Rain, และโหมดแบบปรับเอง มี Traction Control ให้เลือกได้ 3 ระดับ และ ปิดได้ มีระบบ Conering ABS, Cruise Control, ระบบ Launch control ช่วยในการออกตัว และ Quick shifter โดยทุกอย่างสามารถแสดงผลผ่านหน้าจอ TFT แบบ  full-color ขนาดใหญ่

gzUh2I.jpg

ในด้านการออกแบบตัวรถนั้น ใช้สไตล์การออกแบบที่เรียกว่า “Sugomi”ในการกำหนดเส้นสายต่างๆบนตัวรถ โดยเป็นการออกแบบแบบอสมมาตร ด้วยการให้ช่องไอดีของระบบอัดอากาศไปอยู่ทางด้านซ้ายข้างไฟหน้า ซึ่งแตกต่างจาก Ninja H2 ที่ถูกวางมาอย่างสมมาตร

gzQy79.jpg

และแน่นอนว่า ด้วยความเป็นรถเนกเก็ต มันจะมีท่าทางการขับขี่ที่ผ่อนคลายกว่า Ninja H2 ด้วยการใช้ฉอนเดิ้ลบาร์ที่สูงขึ้นและ ขยับเข้าใกล้ผู้ขับขี่มากขึ้น  รวมไปถึงมีการขยับจุดพักเท้าให้ต่ำลงกว่าตัวสปอร์ตอีกเล็กน้อย ส่วนจุดที่น่าสนใจอื่นๆก็ได้แก่ รถสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Rideology ขอ Kawasaki, น้ำหนักรวมของเหลว 239 กิโลกรัม, ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 830 มิลลิเมตร

gzQvv2.jpg

 

โดยสำหรับตลาดอเมริกาจะวางจำหน่าย Kawasaki Z H2 ในสี Metallic Spark Black/Metallic Graphite Gray Mirror Coated Spark Black color with a green trellis frame และสำหรับตลาดนอกอเมริกา จะมีอีก 2 สีคือ Metallic Diablo Black/Metallic Flat Spark Black with black frame และ Metallic Matte Carbon Gray/Metallic Flat Spark Black with a red frame  โดยราคาค่าตัวของมันจะอยู่ที่ราว $17,000 (ดอลล่าร์) หรือราว 510,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 25 ตุลาคม 62)

gzQLUy.jpg

gzQe8D.jpg

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motorcycle.com www.drivespark.com www.autoblog.com