เปิดตัว Kymco Downtown GT350 2025 บิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่
Kymco ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์จากไต้หวัน ได้ประกาศการมาถึงของผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่จะใช้ในการทำตลาดในโซนยุโรป กับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของบิ๊กสกู๊ตเตอร์ ที่เน้นการขับขี่ที่คล่องตัว และความสปอร์ตที่เร้าใจ กับเจ้า Downtown GT350 2025 รุ่นใหม่ล่าสุด
Kymco Downtown GT350 จะเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์แนว Grand Touring ที่มุ่งเน้นการขับขี่ที่มีคุณภาพ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบาย และมาพร้อมกับสมรรถนะที่ครอบคลุมการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางระยะไกล ตัวรถมาพร้อมกับงานออกแบบที่ทันสมัย เน้นความเฉียบคม มีการเล่นเหลี่ยมเล่นมุม สร้างมิติให้กับตัวรถได้เป็นอย่างดี
ไฟหน้าดีไซน์แบบโคมเดี่ยว แต่มีการแยกส่วนของชุดไฟ จำลองแบบของชุดไฟหน้าแบบโคมคู่ ล้อมรอบด้วยไฟ DRL แบบ LED ชิลด์บังลมด้านหน้าขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับระดับได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ เบาะนั่งแบบตอนเดียวเล่นระดับ พร้อมความกว้างเป็นพิเศษ ทำให้รู้สึกได้เหมือนกับการนั่งโซฟาที่นุ่มสบาย ลดอาการเมื่อยล้าจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี
ตัวรถจะมาพร้อมกับขุมกำลังแบบสูบเดี่ยวขนาด 321 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้กำลังสูงสุด 28.5 แรงม้า (hp) ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 30 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด EFI โดยทางผู้ผลิตเคลมว่าตัวรถจะมีอัตราสิ้นเพลิงที่ 3.7 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร โดยถังเชื้อเพลิงจะมีความจุ 12.5 ลิตร ทำให้ตัวรถจะมีระยะทางเฉลี่ยกว่า 330 กิโลเมตรต่อถัง
ในส่วนของโครงสร้างนั้น Kymco Downtown GT350 จะใช้โครงสร้างแบบ Backbone ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic ในขณะที่ด้านหลังจะเป็นแบบ hydraulic shock absorbers แบบคู่ ที่สามารถปรับระดับ Preload ได้ ส่วนระบบเบรกนั้นจะเป็นแบบดิสก์เดี่ยวทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบ ABS แบบ Dual Channel และขอบล้อหน้าหลังขนาดไม่เท่ากัน โดยที่ด้านหน้าจะมีขอบล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้วสวมด้วยยางขนาด 120/70-15 และขอบล้อด้านหลังขนาด 14 นิ้ว สวมด้วยยางขนาด 140/70-14 น้ำหนักตัวแบบรวมของเหลวจะอยู่ที่ 185 กิโลกรัม
ในส่วนของฟีเจอร์บนตัวรถนั้น ถือว่ามีความทันสมัยไม่น้อย นอกเหนือจากระบบไฟส่องสว่างรอบคันจะเป็นแบบ LED แล้ว ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 6 นิ้ว และยังมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สำหรับการรับสายโทรเข้าหรือโทรออก การนำทาง การเล่นเพลงและการจัดการข้อความต่างๆ ยังมีช่องเสียบชาร์จ USB Type-C มาให้อีกถึง ช่อง โดยจะแยกเป็นช่องในคอนโซลหน้า และอีกช่องที่ใต้เบาะนั่ง ภายในช่องเก็บของใต้เบาะจะมีความใหญ่โต สามารถบรรจุหมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้พร้อมกัน 2 ใบ และยังมีพื้นที่เหลือสำหับสิ่งของอื่นๆ ระบบกุญแจแบบ Smart Key และระบบ Traction Control ที่สามารถเลือกเปิดหรือปิดการทำงานได้อย่างอิสระ
ในส่วนของสีสันที่มีให้เลือกใช้งานนั้น จะมีด้วยกัน 3 สี ประกอบด้วยสี Petrol Blue, สี Grey Tawn และสี Matte Black โดยจะวางจำหน่ายในโซนยุโรปด้วยสนนราคา 5,499 ยูโร หรือราวๆ 210,350 บาทโดยประมาณ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมาก ด้วยราคานี้จะทำให้ตัวรถมีความได้เปรียบคู่แข่งอย่าง Honda Forza 350 และ Yamaha XMax 300 อยู่พอสมควร
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก lajumotor.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.