Marc Marquez “เด็กระเบิด” กับการแข่งขัน MotoGP สนามที่ 100
การแข่งขัน MotoGP2018 สนาม Bruno Circuit สาธารณรัฐเช็กที่ผ่านมาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการลงแข่งขันสนามที่ 100 ในชีวิตการเป็นนักบิดระดับ MotoGP ของ “เด็กระเบิด” Marc Marquez ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่ก็มีอะไรที่น่าสนใจจากการแข่งขันครั้งนี้มากมาย ทีมงาน GreatBiker อยากจะขอพาเพื่อนๆไปย้อนอดีตตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเจ้าตัวในเวที World GP ตั้งแต่ยุค 125 ซีซี จนถึงปัจจุบันกันครับ
ประวัติส่วนตัว
Marc Marquez Alenta นักบิดชาวสเปนเกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1993 ที่ Cervera, Catalonia ถือเป็นชาวคาตาลันโดยกำเนิด โดย Marc Marquez มีฉายาอย่างเป็นทางการว่า “Ant of Cervera” หรือมดน้อยแห่งเมือง Cervera ส่วน “เด็กระเบิด” นั้นเป็นฉายาที่บรรดาสื่อสัญชาติไทยทั้งหลายต่างยกให้ ด้วยพฤติกรรมในสนามที่มักจะแสดงออกอย่างบ้าบิ่นกล้าได้กล้าเสีย จนตัวเองมักจะล้มระเบิดกรวดข้างสนามเป็นว่าเล่น ซึ่งในปัจจุบันนั้น Marquez ค่อยๆ พัฒนาตัวเองจะบางครั้งเราก็ลืมไปเลยว่าเจ้าตัวได้ฉายานี้มาเพราะอะไร
จุดเริ่มต้น 125 ซีซีและ Moto2
เริ่มต้นเมื่อปี 2008 เข้าสังกัด Repsol KTM 125cc เลือกใช้หมายเลขประจำตัวหมายเลข 93 โดยฤดูกาลนี้เป็นเหมือนการลองผิดลองถูกของเจ้าหนู Marquez ทั้งเรื่องการขับขี่ และตัวรถ ส่งผลให้ผลงานแรกในฐานะนักบิดมืออาชีพไม่ค่อยสวยงามนักจบอันดับที่ 13 เช่นเดียวกับฤดูกาล 2009 Marquez ยังคงสังกัดกับทาง KTM เช่นเดิม แต่ผลงานฤดูกาลนี้ดีขึ้นมาเล็กน้อยโดยจบฤดูกาลที่อันดับ 8 แต่แล้วเส้นทางการเป็นนักบิดมืออาชีพของ Marquez กำลังจะถึงจุดพลิกผันเมื่อฤดูกาล 2010 เค้าย้ายไปสังกัดทีม Red Bull Ajo Motorsport ในคลาส 125cc เช่นเคย และฉายแววการเป็นยอดนักบิดของเค้าก็เกิดขึ้น โดยการชนะทั้งสิ้น 10 สนามจาก 17 สนามที่ลงแข่งขัน ขึ้นโพเดียมไปเปิดแชมเปญ 12 ครั้ง และจบที่อันดับ 1 เป็นแชมป์โลกแรกของ Marquez ในระดับ 125cc ด้วยการขัดเกลาฝีมือของ Aki Ajo ยอดนักปั้นสัญชาติฟินแลนด์
Marc Marquez และ Aki Ajo
ในฤดูกาลถัดมา 2011 Marquez ขยับขึ้นมาสู่อันดับ MOTO2 โดยสังกัดกับทีม Team Catalunya Caixa Repsol ซึ่งเพียงฤดูกาลแรกเจ้าหนู Marquez ในวัย 18 ปีในขณะนั้นเกือบจะคว้าแชมป์มาได้ในปีแรกหลังจากที่ทำคะแนนไล่ Stefan Bradl นักบิดดาวรุ่งจากเยอรมัน มาตลอดฤดูกาล แต่ Marquez เองพลาดล้มจนแข่งต่อไม่ได้ในสนามสุดท้าย ปล่อยให้ Stefan Bradl คว้าแชมป์โลกไปทั้งที่ไม่ได้ลงแข่ง พลาดโอกาสคว้าแชมป์โลกไปอย่างน่าเสียดาย (ปัจจุบัน Bradl ยังคงวนเวียนในการแข่งขัน MotoGP ทั้งในฐานะของนักแข่งทดสอบของทีม Honda แปละ นักแข่ง Wide Card อีกด้วย) เหมือน Marquez จะได้บทเรียนจากฤดูกาลที่ผ่านไปส่งผลให้ในฤดูกาลถัดมา ฤดูกาล 2012 Marquez มีการควบคุมอารมณ์ในการแข่งดีขึ้นและทำผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการ ชนะไปทั้งสิ้น 9 จาก 17 สนาม ขึ้นไปฉลองบนโพเดียมถึง 14 ครั้ง นั้นก็เพียงพอจะทำให้เจ้าหนูวัย 19 ขวบจากสเปนทำคะแนนและคว้าแชมป์โลกไปประดับบารมีสำเร็จทิ้งอันดับรองแชมป์ถึง 120 แต้ม และในปีถัดมาการแจ้งเกิดตาหน้าสาธารณะชนบนโลกของเจ้าหนู Marc Marquez ก็เกิดขึ้น
จาก Moto2 สู่แชมป์โลก MotoGP
ในฤดูกาล 2013 เป็นฤดูกาลที่เรียกได้ว่าดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของการจัดแข่งขัน MotoGP ด้วยการขับเคี่ยวของยอดนักบิดจากทั่วโลกและการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ Marc Marquez นักบิดหนุ่มจากสเปนในฐานะรุกกี้หน้าใหม่ ที่ไล่บี้อดีตแชมป์โลกอย่าง Valentino Rossi และไล่กวดแชมป์โลกเมื่อฤดูกาล 2012 อย่าง Jorge Lorenzo แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เป็นฤดูกาลที่ได้ลุ้นกันจนถึงสนามสุดท้าย ในตอนนั้น Jorge Lorenzo มีคะแนน 305 คะแนน ไล่จี้ Marquez ที่นำอยู่ด้วยคะแนน 318 คะแนน โดย Lorenzo ต้องคว้าแชมป์สนามสุดท้ายที่ Valencia ให้ได้และลุ้นให้ Marquez จบอันดับที่ต่ำกว่า 5 เพื่อการคว้าแชมป์โลก ไฮไลท์ในสนามมันควรจะเป็นการไล่บี้กันเองของสองนักแข่งจากสเปน แต่เหมือนฟ้าได้ลิขิตให้ Marquez เป็นแชมป์โลกในฤดูกาลนั้น ผลการแข่งขันถึงแม้ Lorenzo จะคว้าชัยในสนามที่วาเลนเซียได้แต่คะแนนรวมก็ไม่เพียงพอที่จะไล่ Marquez ที่ขับขี่แบบชิลๆ กินลงไปเรื่อยๆ จนเข้าเส้นชัยที่อันดับ 3 ส่งให้ชื่อของ Marc Marquez ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์โลกที่มีอายุน้อยที่สุดในวัย 20 ปี และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถก้าวขึ้นบัลลังก์แชมป์โลกได้ทั้งๆ ที่พึ่งขึ้นมาในฐานรุกกี้หน้าใหม่
และในฤดูกาล 2013 และ 2014 Marc Marquez ก็ควบเจ้า Honda RC213V คว้าแชมป์โลกได้อีกกลายเป็นแชมป์โลก 3 สมัยติด แต่ในฤดูกาล 2015 Jorge Lorenzo และ Valentino Rossi ยังคงเป็นคู่แข่งตัวสำคัญของเค้า โดยในฤดูกาลนี้ Marquez ยังคงทำผลงานได้อย่างต่อเนื่องแต่ยังดีไม่พอที่จะเป็นแชมป์โลก 4 สมัยติดต่อกัน โดย Marquez จบที่อันดับ 3 ปล่อยให้คู่แข่งคนสำคัญของเค้าอย่าง 2 นักบิดจาก Yamaha คว้าอันดับ 1 และ 2 ไปต่อหน้าต่อตา ต่อมาในปี 2016 Marquez กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการกำราบ “พ่อหมอ” Valentino Eossi โดย Marquez สามารถเอาแชมป์สมัยที่ 5 มากอดได้ตั้งแต่สนามที่ 15 ด้วยชัยชนะที่สนาม Motegi หลังจบฤดูกาลไปด้วยคะแนนสะสมสูงสุด 298 คะแนน เก็บชัยชนะไปทั้งสิ้น 5 สนาม กับอีก 12 โพเดียม ส่วนในฤดูกาล 2017 เป็นฤดูกาลที่เรียกได้ว่าต้องลุ้นกันจนสนามสุดท้ายเมื่อ Marc Marquez ต้องมาเจอกับคู่ปรับคนใหม่อย่าง Andrea Dovizioso นักบิดอิจาเลี่ยนของ Ducati โดยทั้งคู่พลัดกันชนะ 6 สนาม จนต้องมาวัดกันในสนามสุดท้าย และ Dovizioso เองก็ไม่สามารถรับมือความกดดันจากการล่าแชมป์ได้พลาดท่าล้มไปจบการแข่งขันแบบไม่มีคะแนน และส่งผลให้คะแนนสะสมของ Marquez ดีกว่า ด้วยคะแนน 298 กับ 261 คะแนน คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 6 ไปครองได้สำเร็จ
Andrea Dovizioso และ Marc Marquez
ในตอนนี้สถานการณ์ของ MotoGP ในฤดูกาล 2018 Marc Marquez ยังคงเป็นผู้มีคะแนนนำสุงสุดหลังจากผ่าน ไปแล้ว 10 สนาม ยังเหลืออีก 9 สนามให้ได้ลุ้นกันต่อ และผลงานจากสนามล่าสุดที่ Bruno Circuit ถึงแม้ว่าจะจบได้เพียงอันดับที่สาม และนั้นอาจจะทำให้แฟนๆ ของ RepSsol Honda ต้องหนาวๆ ร้อนๆ กับความแรงของเครื่องยนต์ Ducati ไม่มากก็น้อย หนทางยังอีกไกลยังมีอีก 9 สนามให้ได้ลุ้นกัน และอย่างลืมว่าปีนี้เราจะได้ชมการแข่งขันระดับโลกแบบนี้ถึงในบ้านกับรายการ PTT Thailand Grand Prix ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้ เพื่อนๆ ที่มีบัตรแล้วก็กำบัตรไว้ให้แน่นๆ แล้วไปสนุกเร้าใจกันที่ขอบสนามนะครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.