Marc Marquez แชมป์โลก MotoGP 2019 ตอนที่ 2
ความเดิมจากตอนที่แล้ว Marc Marquez แชมป์โลก MotoGP 2019 ตอนที่ 1…
ไม่มีอะไรน่าประทับใจไปกว่าการที่ Marc Márquez ได้ฉลองแชมป์ MotoGP ถึงครั้งที่ 6 ใน 7 ปีที่เขาได้เข้ามาร่วมการแข่งขันนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินจริงเลย แต่ทว่าเขามาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไร เราลองมาย้อนดูกันเลยครับ กับตอนที่ 2
กลับมาจากอาการบาดเจ็บ
Marc Márquez ต้องจัดการตัวเองใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลนี้ เพราะยังมีอาการบาดเจ็บหัวไหล่ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังผ่าตัดใหญ่ในเดือนธันวาคมในปีที่แล้ว ดร. Mir ผู้ทำการผ่าตัดให้กับ Márquez ได้เล่าถึงการรักษาและฟูื้นฟูร่างกายของเขาว่า
การฟื้นฟูเป็นไปได้ยากกว่าที่คาดไว้ เพราะถึงแม้ Márquez จะเคร่งครัดในการพักฟื้น พอๆกับการเตรียมตัวเพื่อเข้าแข่งขันในปีนี้ นอกจากนี้เขายังมีนักกายภาพบำบัดที่คอยติดตาม และช่วยออกกำลังให้กับไล่ของเขา 4 ชั่วโมงต่อวัน ทุกวัน ยกเว้นวันคริสตมาส และวันปีใหม่
แต่ถึงแม้อย่างนั้น การฟื้นฟูก็ยังกินเวลานาน ทั้ง Márquez และ Honda ต่างคาดหวังว่าตัวเขาจะดีขึ้นแล้ว 80% ในการทดสอบรถที่ Sepang แต่เมื่อถึงเวลาจริง ขณะนั้นเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมเพียงแค่ 50% เท่านั้น ส่วนในการแข่งที่ Jerez เขาได้กำลังของเขาคืนมาหลังจากมันหายไปตลอดช่วงฤดูหนาว และช่วงพักฤดูร้อน จากนั้นอาการบาดเจ็บก็หายเป็นปลิดทิ้งเสียที
เพื่อพิชิตฤดูกาลนี้ เขาทำได้เพียงแค่ขี่รถออกไปทั้งที่ยังอ่อนแอและบาดเจ็บจากการผ่าตัดใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองไม่เคยจบการแข่งขันในอันดับต่ำกว่าที่ 2 ซึ่งมันใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วสำหรับนักแข่ง MotoGP
ช่วงต้นปีนี้ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ได้สอบถาม Márquez ว่า จะเป็นไปได้ไหมถ้าเขาจะสามารถชนะได้อย่างสมบูรณ์แบบในฤดูกาลนี้ ด้วยการชนะทุกสนาม? เขาตอบมาว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่งานนี้มันจะเป็นอะไรที่ยากมากๆ ซึ่งตอนนี้ผมคงจะพูดว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะทุกสนาม นั่นเป็นเพราะว่าทุกอย่างมันส่งผลกระทบถึงกันหมด เช่นหากคุณพลาดเล็กน้อยในรอบ FP3 คุณก็จะไม่ได้เข้ารอบ QP2 โดยตรง เช่นที่สนาม Montmelo ที่ผมได้อันดับ 9 ใน FP3
“ทุกๆอย่างส่งผลถึงกันอย่างมาก และการที่จะแข็งแกร่งในทุกๆการแข่ง และมีรถที่ปรับเซตอย่างสมบูรณ์แบบนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และตอนนี้เองที่ทุกๆอย่างแสดงผล จะมีหนึ่งโรงงานที่เร็วที่สุดในสนามนี้ และโรงงานอื่นจะเร็วที่สุดในสนามอื่น
“สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการหาปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสนาม และพยายามที่จะขึ้นไปอยู่บนโพเดี้ยม ซึ่งการพยายามขึ้นโพเดี้ยมทุกๆสนามนั้นเป็นไปได้ แต่การชนะอันดับ 1 ทุกสนามนั้น อืม… เป็นอะไรที่ยากมากๆ”
จุดประกายไฟ
และหลังจากนี้ Márquez จะเป็นอย่างไรต่อไป? นี่คงเป็นคำถามข้อใหญ่สำหรับนักแข่งทีม Repsol Honda คนนี้ ว่าเขาจะรักษาระดับความทะเยอทะยานของเขา โดยการชนะการแข่ง และชนะแชมป์เปี้ยนชิพต่อไปได้อย่างไร โดยเราได้เห็นว่าอดีตเคยสอนบทเรียนที่ยากลำบากเอาไว้
ในปี 2005 เมื่อตอนนั้น Valentino Rossi ดูเหมือนจะสามารถเอาชนะการแข่งได้ง่ายๆด้วยรถแข่ง Yamaha M1 ที่เขาควบคุมได้อย่างพลิ้วไหว แต่ Rossi เองก็ได้เริ่มลองไอเดียใหม่ของเขาที่อยากจะไปแข่ง F1 และนั่นทำให้เขาสูญเสียสมาธิในการพัฒนารถสำหรับปี 2006 ซึ่งส่งผลให้เขาเสียตำแหน่งแชมป์ให้กับ Nicky Hayden ไปในที่สุด
สำหรับ Mick Doohan เป็นไปในทางกลับกัน เมื่อเขาสามารถพิชิตการแข่งในปี 1998 ได้อย่างงดงาม ใก้ลเคียงกับผลงานในปีก่อน แต่สุดท้ายแล้วมีเพียงแค่อาการบาดเจ็บจากการชนอย่างรุนแรงที่สนาม Jerez เท่านั้นที่มาหยุดเขาไว้ในปี 1999 และส่งผลให้เขาต้องจบเส้นทางชีวิตนักแข่งของเขาลง
ถ้าหาก Márquez เกิดพลัดตกลงไปในระหว่างสองตัวอย่างดังกล่าวล่ะ!? เขาเป็นเหมือน Doohan มากกว่าจะเป็น Rossi ที่มักจะชนะมากกว่าเสี่ยงที่จะแพ้เพราะต้องออกจากการแข่งขัน Márquez กระหายในชัยชนะมากกว่า Doohan และดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่อิ่มหนำในเร็วๆนี้แน่
ดังนั้นเขาจะต้องหาเป้าหมายใหม่เพื่อไล่ล่า ซึ่งหลังได้รับชัยชนะที่ไทย เขาได้วางเป้าหมายไว้แล้วสองอย่าง อย่างแรกคือแข่งให้จบ และพยายามขึ้นโพเดี้ยมหรือเอาชนะให้ได้ในการแข่งที่ญี่ปุ่น
ตลอดการแข่งที่ผ่านมา เขาตั้งใจที่จะกำจัดข้อบกพร่องในการแข่งขันของเขาก่อนที่จะรับตำแหน่งแชมป์ และเป้าหมายต่อไปคือการทำแต้มให้กับโรงงาน Honda และทำแต้มให้กับทีม Repsol Honda เพื่อที่จะเก็บแชมป์ในทุกรายการ ซึ่งการเป็นแชมป์ทีมควรจะเป็นเรื่องง่าย เพราะทีม Repsol Honda มีคะแนนตามหลัง Ducati Team เพียงแค่ 19 คะแนนเท่านั้น
ส่วนคะแนนทีมแข่งนั้น จะคิดคะแนนจากการรวมคะแนนทั้งนักแข่งทั้งสองคนจากแต่ละทีม โดยตอนนี้ Márquez ได้ทำคะแนนไป 325 แต้ม ให้กับทีม Repsol Honda ที่มีคะแนนทั้งหมด 358 แต้ม
ไม่มีอะไรหยุดเขาได้?
Márquez จะสามารถซ้ำรอยแชมป์ตัวเองได้อีกครั้งหรือไม่ในปีหน้า? เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีใครจะสามารถมาหยุดเขาจากการเอาชนะฤดูกาลต่อๆไปได้อีกแล้ว โดย Andrea Dovizioso เคยเคยเกือบจะหยุดเขาลงได้ในปี 2017 แต่นั้นยังเป็นตอนที่รถ Ducati Desmosedici ยังมีพลังแรงม้าเหนือกว่า Honda RC213V
ในปีนี้ที่เราได้เห็นนักแข่งรุ่นใหม่ขึ้นมาท้าทายเขาได้ โดย Alex Rins, Fabio Quartararo, และ Maverick Viñales ต่างได้ต่อสู้กับเขา แต่ Rins และ Viñales ดูเหมือนจะยังมีข้อบกพร่อง และขาดความมั่นใจ แต่นั่นก็ทำให้ Márquez ต้องทำการบ้านอย่างหนักในฤดูกาลนี้
ส่วนรุกกี้ปีศาจอย่าง Quartararo นั่นส่งผลกระทบถึง Márquez อย่างมาก ซึ่งถ้าคุณได้พูดคุยกับคนในของทีม Honda พวกเขาจะบอกคุณว่า Quartararo คือคนเดียวที่ Márquez ยำเกรงอย่างแท้จริง เพราะเจ้ารุกกี้คนนี้ไม่มีความเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย
เจ้าหนุ่มฝรั่งเศสคนนี้สามารถขับขี่ได้รวดเร็วตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล จนกระทั่งในการแข่งสองสามสนามล่าสุด เขาได้ขึ้นมาต่อสู้กับ Márquez อย่างจริงจัง ซึ่งถ้าเกิดว่า Yamaha สามารถหาหาพลังแรงม้ามาเติมให้รถของเขาได้ก่อนฤดูหนาวที่การแข่งจะสิ้นสุด Quartararo อาจจะสามารถทำให้ Márquez ต้องอยู่อย่างยากลำบากได้จริงๆก็เป็นได้ในปีหน้า
หรือบางทีนั้นอาจจะเป็นแค่แรงพลักดันที่ Márquez ต้องการ เมื่อ Márquez และทีมของเขาแข็งแกร่งมากๆในช่วงสองสามปีหลังมานี้ ซึ่งเป็นเพราะพวกเขาให้ความสำคัญในรายละเอียด และมันได้แสดงออกมาผ่านจำนวนของแผนการ แสดงออกมาในกลยุทธ์ โดยพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่พยายามวิ่งสามรอบในการควอลิฟาย มากกว่าที่จะวิ่งแค่สองรอบ โดยนั่นเป็นการทำให้ Márquez มีโอกาสวิ่งมากขึ้นเพื่อปรับตัวกับยางใหม่
พวกเขายังใช้รอบ FP2 เพื่อการเตรียมการแข่งอีกด้วย พวกเขาไม่งกที่จะโยนยางทิ้งไปในตอนสุดท้าย เพราะเป็นการทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะสามารถผ่านเข้ารอบ Q2 ได้ พวกเขาตั้งใจที่จะขับขี่ให้ใกล้เคียงกับการแข่งให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ Márquez ล้มไปในรอบ FP1 และรอบ FP3
ในการเตรียมตัว Márquez และทีมของเขา เริ่มต้นแต่ละการแข่งด้วยแผนการที่พยายามจะเสียเวลาให้น้อยที่สุดในการวิ่ง พวกเขาตัดตัวเลือกยางออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อนการแข่งปลายสัปดาห์ พวกเขาต้องการที่จะมีสามาธิกับการทำความเข้าใจ และวางแผน ยางที่จะใส่ตลอดการแข่งมากกว่าที่จะนำยางทุกแบบมาหาทีละเส้นว่า ยางไหนดีที่สุดจากการทำเวลาในแต่ละครั้ง
Márquez เองก็เช่นกัน เขาเตรียมตัวเองมาอย่างดี โดยการฝึกฝนร่างกาย ฝึกทักษะ และฝึกเทคนิค เพื่อหาทางที่จะปรับปรุงมันให้ดีขึ้น เขามักจะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบากในสนามที่ไม่ได้เป็นแค่วงรี ในสเปนบ้านเกิดของเขา ซึ่งในสนามดินเหล่านี้ มันมีการผสมผสานกันทั้งโค้งซ้ายโค้งขวา และมีความสะเทือน ซึ่งให้ความท้าทาย ความยากในการควบคุมรถอีกแบบหนึ่ง และ Márquez ใช้การฝึกนี้เพื่อฝึกรับรู้อาการ และรับรู้ความรู้สึกต่างๆจากตัวรถ เขาจะไปให้สุดขีดข้อจำกัดของเขาเสมอเพื่อที่จะทำความเข้าใจว่าการยึดเกาะของรถมันทำงานอย่างไร
ผลักดันทุกขีดจำกัด
Márquez ได้เพิ่มมาตรฐานการแข่งขันให้สูงขึ้น เช่นเดียวกับที่นักแข่งผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตหลายๆคนเคยทำมาก่อน ความท้าทายที่เขากำลังเผชิญในตอนนี้ก็คือเงา เงาจากความสำเร็จอันเฉิดฉายของเขาเองกำลังคลือบคลานเข้ามา มันกำลังก่อตัวสูงขึ้นในขณะที่เขากำลังแข่ง มันกำลังจ้องมองเขา ศึกษาเขา อ่านเรื่องราวของเขาเกี่ยวกับเทคนิค พยายามที่จะเลียนแบบเขา
เขาได้พุ่งออกไปไล่ล่าคนที่เคยเป็นแชมป์ก่อนหน้าเขา เช่น Rossi, Jorge Lorenzos, Dani Pedrosas เพื่อที่จะได้เป็นแชมป์ นักแข่งหนุ่มผู้ไล่ตามความสำเร็จคนนี้ เขาได้ไล่ล่านักแข่งเหล่านั้นที่มีเป้าอยู่บนหลังได้สำเร็จ และตอนนี้เป้าเหล่านั้นได้ย้ายมาอยู่บนหลังของเขาแทนเสียแล้ว
ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดชัยชนะของ Márquez ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ทิ้งมรดกอันสูงส่งเอาไว้ นั่นคือสิ่งที่ไม่มีนักแข่งคนไหนเคยทำได้ ้พราะถ้าคุณให้พวกนักแข่งเลือกระหว่าง การชนะเป็นแชมป์แต่ไม่เป็นที่จดจำ กับ การเป็นตำนานและจะไม่ชนะอีกเลย พวกเขามักจะเลือกอย่างหลังเสมอ ดังนั้นพวกเขาจะยังคงมีเป้าหมายให้ไขว่คว้าเสมอ
ความมั่นคงในจิตใจกลายเป็นประเด็นสำคัญของการแข่งในปีนี้ และปัจจัยหนึ่งเกิดจากการที่ Márquez มีทีมที่เต็มไปด้วยความชื่นชม จากการล้มที่ Austin แน่นอนว่า ความผิดพลาดของ Márquez ครั้งนั้นอาจจะทำให้เขาต้องออกจากการแข่งขันในปีหน้า และปีต่อๆไป
เรากำลังอยู่ในช่วงกลางยุคสมัยของ Márquez โดยมันมีสัญญาณเล็กน้อยของจุดที่กำลังใกล้เข้ามา Marc Márquez จะพยายามชนะต่อไปเรื่อยๆ และเขาจะสามารถก้าวข้าม Mick Doohan โดยการเป็นนักแข่ง Honda ที่ดีที่สุด ในอีกเพียงแค่ 1-2 สนาม เพราะเขา กำลังจะชนะการแข่ง 53 ครั้ง ใน MototGP ซึ่ง Doohan เคยทำไว้สูงสุด 54 ครั้ง
แต่ชัยชนะของ 64 ครั้ง ของ Giacomo Agostin ใน MotoGP ก็ยังถือว่าไม่ไกลนัก และหากนับสถิติอีกแบบ Márquez เหลือให้ชนะอยู่อีก 11 สนาม ก็จะเทียบเท่ากับ Angel Nieto ผู้ทำสถิติชนะ 90 สนาม ในทุกระดับการแข่ง
รุ่นถัดไป
Márquez จะสามรถลงแข่งได้อีก 2 ฤดูกาล ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงอายุ 30 หลังจากนั้น เราคงจะเห็นภาพมากขึ้นว่า Fabio Quartararo จะสามารถท้าทายราชาแห่ง MotoGP คนนี้ได้อย่างไร และก็คงถึงเวลาที่จะเปลี่ยนผ่านรุ่นของนักแข่งพอดี
ในปี 2021 เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยการที่นักแข่งเลือดเก่าจะต้องออกมาป้องกันนักแข่งเลือดใหม่ Cal Crutchlow จะออกไป Valentino Rossi อาจจะออกไป หรือแม่แต่ Lorenzo และ Dovizioso ก็จะต้องออกจากการแข่ง MotoGP
Brad Binder, Jorge Navarro, Luca Marini, Augusto Fernandez, Remy Gardner, Fabio Di Giannantonio กับ Quartararo, Rins, Viñales, Jack Miller, Miguel Oliveira หนึ่งในคนกลุ่มนี้จะสามารถขึ้นมาแทนที่ Márquez ได้หรือไม่ หรือน้องชายของเขา Alex Márquez จะมาสร้างสามารถสร้างความประทับใจอย่างที่เขาได้ทำไว้ในปีนี้ และขึ้นไปท้าทาย พี่ชายของเขาในปี 2021 ได้หรือไม่
เราอาจจะอยู่ในช่วงกลางยุคสมัยของ Marc Márquez ในการแข่งขัน MotoGP แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจากนี้ต่อไปจะเป็นการคุกเข่ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างเดียว ถึงแม้เอเลี่ยนคนนี้จะยังไม่อิ่มหน่ำในชัยชนะ แต่เขาจะต้องเจอกับกองทัพที่เต็มไปด้วยนักรบที่มีพรสวรรค์ ที่จะต่อต้าน และพยายามหยุดเขาให้ถึงที่สุด
ผู้เขียน David Emmett แห่ง Asphalt & Rubber
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก www.asphaltandrubber.com www.euroweeklynews.com www.motogp.com