MotoGP : จาก Dream Team สู่ฝันร้าย
เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่สำหรับแฟนๆ ของ Jorge Lorenzo นักบิดแชมป์โลก 5 สมัยชาวสเปน หลังแยกย้ายจาก Ducati ทีมจากโรงงานอิตาลีที่หวังว่า “เจ้าอมยิ้ม” จะเข้ามาช่วยกู้วิกฤต แต่ท้ายที่สุดก็ต้องจากลากันไป และการร่วมทัพ Repsol Honda ในปีนี้ของเจ้าตัวก็ยิ่งทำให้แฟนๆ ผิดหวังหนักกับผลงานทั้งในและนอกสนามที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนนี้
Jorge Lorenzo นักบิดสเปนวัย 32 ปี ปัจจุบันสังกัดกับทีม Repsol Honda โดยเป็นทีมที่เรียกได้ว่ารวมดาวอย่างแท้จริง เพราะเป็นทีมเดียวในเวที MotoGP ในตอนนี้ที่มีนักแข่งดีกรีแชมป์โลกอยู่ในทีมถึง 2 คน และเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีจากประวัติศาสตร์ของทีม Repsol Honda ที่จะมีนักแข่งแชมป์โลกอยู่ในทีมนับตั้งแต่ยุคของ Eddie Lawson และ Wayne Gardner ในปี 1989 ซึ่งในช่วงก่อนฤดูกาลจะเปิดฉากขึ้นนั้น สื่อหลายสำนักต่างคาดเดากันว่า Jorge Lorenzo ที่พึ่งจาก Ducati มาด้วยฟอร์มที่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว น่าจะมีฟอร์มกับ Honda ที่ดีกว่าช่วงเริ่มต้นกับ Ducati
แต่ในความเป็นจริงแล้ว Jorge Lorenzo ต้องรับมือกับการปรับตัวครั้งใหม่ที่รุนแรงกว่า เพราะที่ Repsol Honda ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าทีมงาน ซึ่งแตกต่างไปจากยุคที่ตัวเองอยู่กับ Yamaha นักแข่งจะต้องปรับตัวให้เข้ากับรถ โดยที่มีทีมงานคอยให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ได้รับความช่วยเหลือแบบพิเศษชนิดที่เรียกว่าแชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง Marc Marquez ไม่เคยได้รับมาก่อน โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหลังสนาม Assen ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจบการแข่งขัน Lorenzo ไม่สามารถควบคุมตัว RC213V ในการแข่งขันได้ จนทีม HRC ต้องส่งทั้งคนและรถไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำการ Fitting ใหม่ให้เหมาะสมกับนักแข่ง และได้พัฒนาถังน้ำมันใหม่เพื่อให้การขับขี่ของ Lorenzo นั้นได้ประสิทธิภาพมากขึ้น แต่พอกลับมาลงทำการแข่งขันในสนามต่อไป เจ้าตัวก็เจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอีก จนทำให้ผลงานหลังผ่านไป 15 สนามในฤดูกาลแรกกับทีม ค่อนข้างเรียกได้ว่าหายนะเลยทีเดียว
Valentino Rossi กับทีม Ducati ปี 2011
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเคยเกิดขึ้นกับ Jorge Lorenzo เพียงคนเดียว แชมป์โลก 9 สมัย Valentino Rossi เองก็เคยเจอปัญหาแบบเดียวกันมาแล้ว หลังจากฤดูกาล 2010 “พ่อหมอ” ได้ประกาศแยกทางกับ Yamaha ทีมที่พาเจ้าตัวถึงแชมป์โลกถึง 4 สมัย เพื่อย้ายไปร่วม Dream Team อิตาเลี่ยนอย่าง Ducati โดยที่เจ้าตัวได้ไปแท็กทีมกับ Nicky Hayden แชมป์โลก MotoGP ปี 2006 แต่ผลงานกลับเละชนิดที่โจ๊กยังเรียกพี่ ด้วยการจบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 เก็บไปได้เพียง โพเดียมอันดับที่สามจากสนาม Bugatti Circuit ประเทศฝรั่งเศส และมีคะแนนสะสมอยู่ 139 คะแนน จาก 18 สนาม และความล้มเหลวในครั้งนั้นสาเหตุสำคัญที่สุดที่พา แชมป์โลกที่เกรียงไกรที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ WorldGP ดำดิ่งลงเหวนั้นก็คือ “ทีมงาน” เพราะทีมงานนั้นไม่ได้สนใจดีกรีความเป็นแชมป์โลก 9 สมัยของ “พ่อหมอ” เลยแม้แต่น้อย กลับแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างแข่งขันบนตัวรถ Desmossedici GP11 อย่างออกนอกหน้าว่าเป็นรถที่ดีที่สุด จนไปทำการพัฒนารถแข่งในแนวทางที่นักแข่งนั้นถนัดสักเท่าไหร่ ซึ่ง “พ่อหมอ” เองก็เป็นมืออาชีพพอที่จะพยายามอย่างหนักในการปรับตัวให้เข้ากับรถเป็นอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็นดรีมทีมที่หลายๆ คนฝันไว้สักเท่าไหร่ จนในฤดูกาล 2013 “พ่อหมอ” ก็เก็บข้าวของและย้ายกลับมายังชายคา Yamaha อีกครั้งและอยู่โยงมาจนถึงฤดูกาลปัจจุบันนี้
Ducati Dream Team “Valentino Rossi” และ “Nicky Hayden” ปี 2011
กลับมาที่ jorge Lorenzo กันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพบเจอฤดูกาลที่ย่ำแย่กับทีมในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความทุกอย่างจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด Lorenzo ยังเหลือเวลาในการพิสูจน์ตัวเองกับทีมอีก 1 ฤดูกาล ตามสัญญาที่เซ็นไว้ ไม่แน่ในฤดูกาล 2020 เราอาจจะได้เห็น Jorge Lorenzo อาจจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งเหมือนที่เคยทำได้กับ Ducati ฤดูกาล 2018 ส่วนเรื่องการรีไทร์ตัวเองจากอาชีพนักแข่งในตอนนี้ ทางเราคิดว่า Lorenzo เองคงไม่อยากจะจากไปพร้อมกับรอยแผลที่จะทวีความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยในอนาคต แต่เจ้าตัวน่าจะลงจากตำแหน่งด้วยท่าทางที่สวยงามที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ด้วยการอยู่จนครบสัญญาและสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม ตามที่ทีมคาดหวังไว้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะใกล้เคียงให้ได้มากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motogp.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.