สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับลมยาง
เป็นที่ทราบกันดีว่าสำหรับยานพาหนะประเภทรถยนต์และมอเตอร์ไซค์นั้น ยางเป็นส่วนที่สำคัญเป็นอย่างมากในการขับขี่ เพราะยางเป็นเพียงส่วนเดียวของรถที่จะยึดเกาะกับพื้นถนนในยามที่เราทำการขับขี่ โดยในบทความนี้จะเป็นเรื่องราวของ ”ลมยาง” ที่เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การขับขี่ของเรานั้นสนุกมากขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น
ลมยางคืออะไร
ลมยางคือการเพิ่มหรือลดแรงดันภายในยางที่จำลองสภาพสูญญากาศภายในยาง โดยสามารถเติมได้ทั้ง ลม(อากาศ) หรือก๊าซ เพื่อให้ยางนั้นมีแรงดันภายในเพื่อให้พองตัว และเกิดการสัมผัสกับพื้นผิว ซึ่งเป็นผลโดยตรงกับการขับขี่ที่ทำให้ผู้ขับขี่นั้นรับรู้ได้
ข้อเสียของลมยางที่แข็งไป
สิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคืออาการเด้งของของตัวรถนั้นจะมีสูง เพราะเมื่อแรงดันภายในยางมีสูงมากเกิดไป ตัวยางจะเกิดการยึดเกาะที่น้อยลง เมื่อสัมผัสกับพื้นถนน แรงดันในยางจะเกิดการเคลื่อนที่ ทำให้เกิดอาการเด้งหรือกระโดดของตัวยาง หากเป็นรถมอเตอร์ไซค์แล้วแรงเหล่านี้จะส่งจากล้อมายังผู้ขับขี่ผ่านแฮนด์รถ จนบางครั้งทำให้ผู้ขับขี่มีการมือชา หรือเกิดอาการเกร็งที่ปลายนิ้วมือและอุ้งมือ เพราะร่างกายจะต้องใช้แรงกด เพื่อต้านทานอาการเด้งของตัวรถ ข้อเสียต่อมาคือดอกยางจะมีการสึกหรอที่มากกว่า เพราะต้องทนกับแรงเสียดสีที่สูงขึ้นเมื่อล้อยางนั้นเดิงไปมา เรียกได้ว่าเหนื่อยทั้งรถเหนื่อยทั้งคนขี่เลยทีเดียว
ข้อเสียของการเติมลมยางน้อยไป
สิ่งแรกเลยคือการยึดเกาะที่อ่อนยวบ หากแรงดันในยางน้อยเกินไปการเคลื่อนที่ของแรงดันจะมีมากทำให้รูปร่างของยางนั้นบิดเบี้ยว อาจจะส่งผลให้วงล้อนั้นขดได้ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่สูงกว่า เพราะตัวเครื่องยนต์จะต้องใช้แรงบิดที่สูงกว่ารถที่มีแรงดันยางปกติ ซึ่งจะส่งผลให้ดอกและแก้มยางนั้นสึกไวกว่าปกติ และจะมีความร้อนบนตัวยางมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดระเบิดของยางได้ และจะทำให้ระยะในการเบรกของตัวรถนั้นสูงขึ้นไปด้วย
ความเหมาะสมของแรงดัน
รถแต่ล่ะประเภทใช้แรงดันภายในยางไม่เท่ากัน แต่แรงดันที่เหมาะสมที่สุดนั้นจะอยู่ที่ 25-30 ปอนด์ ซึ่งอย่างที่บอกไปแต่ล่ะประเภทของมอเตอร์ไซค์นั้นแรงดันลมยางก็จะใช้ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น รถในแนว Off-Road จะต้องมีแรงดันภายในยางที่น้อยกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อให้ตัวยางนั้นสามารถเปลี่ยนรูปไปตามพื้นผิวที่เราขับขี่ไปได้ แตกต่างกับรถในแนวทางของ Naked และ Sport ที่เมื่อเติมลมยางในแต่ล่ะครั้งนั้น จะต้องเติมให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งจะอยู่ที่ราวๆ 28-30 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ล่ะบุคคล
ความร้อนก็ส่งผลกับแรงดันลมยาง
อุณหภูมิของยางนั้นก็มีส่วนสำคัญ ทำให้แรงดันภายในขยายตัว เพื่อนๆ ลองเช็กลมยางหลังจากที่เราจอดทิ้งไว้จนตัวยางมีอุณหภูมิปกติ เราจะได้แรงดันที่เป็นปกติมากที่สุด แต่เมื่อตัวยางเกิดความร้อนสะสมนั้น แรงดันภายในยางจะมีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น เราเติมแรงดันมา 28 ปอนด์ เมื่อทำการวิ่งต่อเนื่องจนยางร้อนได้ที่ แรงดันจะมีการขยับตัวไปเป็น 30-32 ปอนด์โดยขึ้นอยู่กับความร้อนของยาง ซึ่งสังเกตได้ง่ายมากหากเราต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลๆ หากเราเติมลมยางมาพอดีแล้ว พอวิ่งไปได้สักระยะหนึ่งโดยไม่มีการหยุดพัก ตัวรถจะเริ่มมีอาการเด้งและความรู้สึกสะท้านจะเกิดขึ้นที่อุ้งมือเรา นั้นก็เพราะแรงดันในลมยางนั้นเกิดการขยายตัวมากขึ้นนั่นเอง
สิ่งที่ควรปฎิบัติเกี่ยวกับแรงดันลมยาง
เราควรมั่นตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยๆ สองสัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง หรือ ทุกๆ ครั้งที่เราเข้าไปเติมน้ำมันในสถานีบริการ ซึ่งในแต่ล่ะที่นั้นก็จะมีจุดเติมลมให้เราได้ตรวจสอบกันอยู่ และบริการเหล่านี้ส่วนมากจะเปิดให้ใช้บริการกันฟรีๆ หรือใครที่จะทำมากกว่านั้นได้ก็จะยิ่งดี แต่ถ้าหากเพื่อนๆ ท่านใดที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปปั้มน้ำมันเพื่อตรวจสอบและเติมแรงดันแล้วล่ะก็ ในยุคปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่ตรวจแรงดันลมยาง และอุปกรณ์ปั้มลมขนาดเล็ก ที่สามารถซื้อหาได้ตามร้านขายอุปกรณ์สำหรับยานพาหนะทั่วไป
เรื่องเล็กน้อยของลมยางนั้น อาจจะดูเป็นเรื่องที่หยุมหยิ้มสำหรับเพื่อนๆ บางคน แต่เชื่อเถอะครับว่าลมยางที่เหมาะสมนั้นจะช่วยให้การขับขี่นั้นดีมากขึ้น สนุกมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้นไปด้วย ยังไงก็หมั่นตรวจสอบลมยางของรถมอเตอร์ไซค์คู่กายของเพื่อนๆ กันเป็นประจำด้วยนะครับ
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.