Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

เปิดตัว MV Agusta RUSH 1000 2025 ไฮเปอร์-เนกเกต สัญชาติอิตาเลี่ยน

รีวิว MV Agusta RUSH 1000 2025 ไฮเปอร์-เนกเกต สัญชาติอิตาเลี่ยน [Specs Review]

MV Agusta แบรนด์ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศอิตาลี มักขึ้นชื่อในเรื่องของงานออกแบบที่ใช้องค์ประกอบของรถมอเตอร์ไซค์ที่สวยงาม จนกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท และหนึ่งในเพชรเม็ดงามของ MV Agusta ก็คือ RUSH 1000 ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2019 ซึ่งแต่ล่ะปีนั้นจะมีการผลิตในรูปแบบจำนวนจำกัด ซึ่งแต่ล่ะครั้งที่ประกาศการผลิตและจำนวน มันก็ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันสั้น

iWXHCp.jpeg

MV Agusta RUSH 1000 โมเดลใหม่สำหรับปี 2025 ก็มาถึง โดยตัวรถจะยังคงใช้รากฐานของโมเดลที่ยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิมจากรุ่นปี 2022 โดยอิงจากพื้นฐานเครื่องยนต์และโครงสร้างเดิมของ MV Agusta Brutale 1000 RR ด้วยขุมกำลังขนาด 998 ซีซี 4 ลูกสูบ 4 จังหวะ สร้างพละกำลังสูงสุดได้ 208 แรงม้า (HP) ที่ 13,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 116.6 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบต่อนาที ซึ่งเรียกได้ว่าทางผู้ผลิตไม่ได้มีการลดสเปกของเครื่องยนต์ให้น้อยไปกว่า Brutale 1000 RR ไปเลยแม้แต่น้อย

iWXVh5.jpeg
iWXeqy.jpeg

แต่ความพิเศษของโมเดลนี้อยู่ที่การวางจังหวะการจุดระเบิดเครื่องยนต์ใหม่ และ Radial Valves ที่ใช้งานในรถ Formula One พร้อมด้วยท่อเชื่อมต่อแบบไทเทเนียมทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องยนต์นั้นมีน้ำหนักที่เบากว่า Brutale 1000 รุ่นอื่นๆ อยู่ราวๆ 5 กิโลกรัม และยังมีชุดเสริมอย่างท่อไอเสีย Arrow ซึ่งจะมีการวางเลย์เอาต์ใหม่ โดยแยกส่วนปลายออกเป็นสองทาง โดยท่อหลักจะอยู่ในตำแหน่งเดิมจากรุ่นก่อนหน้า แต่จะมีการย้ายตำแหน่งอีกท่อไปอยู่ใต้เบาะนั่ง และเสริมด้วยกล่อง ECU รุ่นพิเศษที่จะมอบให้กับผู้ซื้อสามารถปลดล็อกพละกำลังสูงสุดให้ไปถึง 212 แรงม้า (HP) เทียบเท่ากับ Brutale SerieORO ตัวท๊อปของรุ่น แต่มีน้ำหนักตัวที่เบากว่า เมื่อเปรียบเทียบด้วยพละกำลังสูงสุดที่เท่ากันกับน้ำหนักตัวที่มีความต่างกันอยู่ราวๆ 6 กิโลกรัม RUSH 1000 จะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Brutale SerieORO อยู่พอสมควรเลยทีเดียวและที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ถึงเราจะใช้ชุดเสริมท่อไอเสียและกล่อง ECU พิเศษ บนตัวรถการทำงานของเครื่องยนต์ในการปล่อยมลพิษนั้นยังสามารถผ่านมาตรฐาน EURO5+ เรียบร้อยแล้ว

iWXb2z.jpeg
iWXDGk.jpeg

นอกจากเครื่องยนต์ที่เหนือกว่า MV Agusta RUSH 1000 ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนหน้าหัวกลับ Upside-Down จากแบรนด์ Ohlins ที่สามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้า โช้คหลังเดี่ยว Ohlins ปรับไฟฟ้า ซึ่งจะทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบแขนเดี่ยว ที่ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมผสม น้ำหนักเบาแต่ทนทานต่อแรงบิด ระบบเบรก Brembo Stylema calipers ด้านหน้าจะมาในรูปแบบของดิสก์คู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังจะเป็นดิสก์เดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร วงล้อแบบ Forged aluminum ขนาด 17 นิ้ว โดยที่ยางหลังจะมีขนาดความกว้างหน้ายางที่ 200 เสริมความมั่นใจสามารถควบคุมแรงม้า 212 ตัวได้อย่างอยู่มือ

iWXYtJ.jpeg
iWXIVw.jpeg

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบคันเร่งไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ตอบสนองต่อน้ำหนักมือในการบิดที่ดีกว่า รวมไปถึงโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ Sport, Race, Racing และ Custom สามารถสั่งการได้ผ่านหน้าจอดิจิตอล TFT ขนาด 5 นิ้ว ระบบ Traction Control 8 ระดับ ระบบ Cruise Control ระบบ Qickshifter ปรับเพิ่มลดเกียร์ได้อย่างอิสระ เสริมระบบใหม่ Dynamic cornering lights ระบบความปลอดภัยและการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนด้วย MV Ride App ที่สามารถเช็กความผิดปกติเบื้องต้นและสามารถแจ้งเตือนระยะถ่ายน้ำมันเครื่อง ของเหลว รวมไปถึงบันทึกการขับขี่ได้อย่างครบถ้วน

iWXhpg.jpeg

ในส่วนของสีสันของตัวรถสำหรับปี 2025 นั้น MV Agusta RUSH 1000 2025 จะนำเสนอชุดสี Rosso Mamba 2.0 Nero Intensivo ซึ่งเป็นสีพิเศษ โดยจะมีลักษณะเป็นสีแดงเข้ม โดยมีส่วนผสมของเม็ดสีเมทัลลิกให้เฉดสีดำ ซึ่งรับกับโครงสร้างที่ทำสีแบบดำด้าน ตัดด้วยโช้คอัพหน้าสีทอง และขอบล้อหลังใหม่ที่ใช้สีแบบรมดำที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ ตัดกับขอบล้อหน้าที่เป็นแบบอัลลอยด์ซี่คู่แบบใหม่

iWXwEl.jpeg

MV Agusta RUSH 1000 2025 จะวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 51,500 ยูโร เมื่อเปลี่ยนเป็นอัตราเงินบาทไทย ณ วันที่เขียน จะตกอยู่ราวๆ 1.87 ล้านบาท ซึ่งว่ากันตามตรงแล้ว เป็นราคาที่สูงมาก และหากเพื่อนๆ ที่อยากได้มาครอบครอง ก็อย่าลืมว่าต้องมีค่าจัดส่ง และมีค่าภาษีนำเข้าและสรรพสามิต ซึ่งอาจจะส่งให้ตัวรถมีมูลค่าเบ็ดเสร็จเมื่อมาอยู่ที่เมืองไทย ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทแน่นอน