รีวิว New Honda CRF450RL ยินดีต้อนรับเข้าสู่จักรวาลยาแก้ตึงมือ!
หลังจากที่มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์เอ็นดูโร่ไบค์ New Honda CRF450RL ถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรถแข่งสายพันธุ์แชมป์ พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “All Ways Unlimited ให้ทุกทาง…ไร้ขีดจำกัด” ทางฮอนด้าก็ได้เชิญให้ทีมงาน GreatBiker ไปร่วมทดสอบรถคันนี้ด้วย แต่ก่อนที่จะไปเล่ารายละเอียดต่างๆ แอดมินขอบอกไว้ก่อนเลยว่า รถคันนี้ไม่ได้เป็นรถที่เกิดมาเพื่อทุกคน แต่ทุกคนสามารถสนุกกับมันได้ ตัวแอดมินเองหลังจากที่ทดสอบมาแล้ว ยังแกะภาพการขับขี่วันนั้นไม่ออกไปจากหัวเลย
เรามาทำความรู้จักกับเจ้า New Honda CRF450RL กันแบบเร็วๆกันก่อน สำหรับ New Honda CRF450RL สุดยอดรถเอ็นดูโร่ไบค์รุ่นล่าสุดในตระกูล CRF Series คือ รถโปรดักชันไบค์ระดับท็อปคลาสที่ใช้พื้นฐานเดียวกับรถแข่งที่คว้าแชมป์โมโตครอสชิงแชมป์โลก MXGP ถึง 2 ปีซ้อน (2019-2020) รวมถึงแชมป์ดาการ์ แรลลี 2 ปีซ้อนเช่นกัน (2020-2021) โดยตัวรถได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “All Ways Unlimited ให้ทุกทาง…ไร้ขีดจำกัด” รูปลักษณ์โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ให้ความดุดันในสไตล์ออฟโร้ด ดีไซน์โดดเด่นให้ความแข็งแกร่งและปราดเปรียวในสไตล์ออฟโร้ด ตัวรถน้ำหนักเบา ควบคุมง่าย ด้วยโครงสร้างเฟรมและสวิงอาร์มแบบอลูมิเนียม ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 450 ซีซีเครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียว 450 ซีซี เกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำคู่+พัดลมไฟฟ้า รองรับการผจญภัยทุกรูปแบบด้วยระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จากแบรนด์ SHOWA ปรับตั้งค่าตอบสนองแรงสะเทือนได้อย่างละเอียด ลุยได้ทุกอุปสรรคด้วยวงล้อน้ำหนักเบา
อย่างแรกที่ขอพูดถึงในเรื่องของการดีไซค์ ถือว่าสวยงามดุดัน ถังน้ำมันเป็นแบบไทเทเนียมความจุ 7.6 ลิตร โครงรถและสวิงอาร์มเป็นอลูมิเนียม แฮนด์ renthal เบามีความยืดหยุ่นสูง แบตเตอร์รี่แบบลิเที่ยมเบาหวิว เพื่อให้น้ำหนักเบาโดยรวมน้ำหนักรถคันนี้อยู่ที่ 131 กิโลกรัม ถือว่าเบามากๆ ส่วนต่างๆ ที่ควรจะต้องได้รับการปกป้องเมื่อต้องเอาไปลุยก็ครบไม่ว่าจะเป็นการ์ดแฮนด์ การ์ดแคร้ง การ์ดดิสเบรคหน้า-หลัง ที่ชอบเป็นพิเศษคือส่วนท้ายอลูมิเนียมติดป้ายทะเบียนสามารถขันน๊อตถอดออกได้เลย ตัวตั้งคลัชขนาดใหญ่ใช้งานง่าย พักเท้าค่อนข้างคมเพื่อให้เกาะกับรองเท้าพื้นหนาๆ คันเกียร์เล็กพับได้ คันเบรคเป็นแบบ2ชิ้นเชื่อมด้วยหมุด น่าจะช่วยในเรื่องของความยืดหยุ่นเวลาล้ม ทำให้แก้ไขได้ง่าย ซึ่งแอดมินเองมักจะมีปัญหาเวลาเข้าป่า ขอบล้อ DID สีดำ ยางมาตราฐานตัวเดียวกับ CRF300L ระบบช่วงล่าง หน้า-หลัง จากแบรนด์ SHOWA ส่วนของของโช้กอัพหน้าแบบหัวกลับ ขนาดใหญ่ 49 มม. โดยสามารถปรับตั้งค่าได้อย่างละเอียดทั้ง Pre-Load, Compression และ Rebound Damping ทั้งด้านหน้าและหลัง โดยรวมแล้วหากจะเทียบน้ำหนัก กับเจ้า CRF300L ตัวใหม่แล้ว เบากว่าถึง 7 กิโลกรัม หรือหากจะเทียบน้ำหนักกับเจ้า CRF250L เบากว่าถึง 11 กิโลกรัมเลยทีเดียว เชื่อว่าน้ำหนักโดยรวมคงถูกใจสายเอ็นดูโร่อย่างแน่นอน แต่ความเบานี้และความแรงนี้ ก็มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 339,000 บาท ซึ่งหากเทียบกับรถคลาสนี้ในค่ายอื่น ถือว่าเป็นราคาที่น่าจับต้องเป็นอย่างมาก
สัมผัสแรกคำเดียวเลยครับ สูงจัง แอดมินสูง 168 รวมบู๊ทก็น่าจะ 170 เซ็นติเมตร อุทานก่อนเลย แม่จ้าววว ต้องเต้นบัลเล่ย์กันเลยทีเดียว เบาะนั่งผิวสัมผัสกันลื่น แฮนด์ค่อนข้างต่ำ องศาการเลี้ยวแคบตามแบบรถเอ็นดูโร่ เสียงเครื่องและท่อค่อนข้างเบา การสตาร์ทรถ รถต้องจอดสนิทเท่านั้นถึงจะสตาร์ทได้
ได้เวลาขับขี่ คลัชค่อนข้างแข็ง พอสับเกียร์1ปล่อยคลัช ดับก่อนเลย1ดอก เนื่องจากพื้นฐานรถสูตรที่ตั้งมาค่อนข้างเดินเบาที่รอบ 3,500/นาที ก็ให้แรงบิดถึง 32 นิวตันเมตร ตามคำแนะนำของสต๊าฟก็เริ่มเดินรอบให้สูงขึ้น พอออกตัวได้ ลองเปิดคันเร่ง หน้าหงายสิครับ ในใจคิด แรงเกิ้นนนน รีบใส่เกียร์ 2 ทันที ก็ประคองตัวเข้าเส้นทางทดสอบจนได้ อุปสรรค์ในสนามทดสอบวันนี้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งฝุ่นหนา บ่อทรายลึก หินลอย ทางชัน เนินจั๊ม ทางแคบ เหลือโคลนกับน้ำกับขอนไม้ที่ไม่โดนในสนามนี้ บอกเลยว่ารอบแรกที่ขับขี่ อยากจอดรถแล้วยกมือยอมแพ้เลยทีเดียว แต่เมื่อทุกคนขี่ได้เราต้องขี่ได้เหมือนกัน ก็พยายามปรับตัวเองให้ชินกับรถ เริ่มขับขี่ดีขึ้นสนุกขึ้น เลยได้จับความรู้สึกในการขับขี่ครั้งนี้
สถานีแรกทางฝุ่นยาวๆ ด้วยรถที่เบากับเครื่องยนต์ที่แรง แอดมินค่อนข้างประทับใจมาก ถึงแม้จะมีอาการท้ายไหลตามแบบรถวิบากแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียอาการ เกียร์1 กระแทกคันเร่งเพียงเล็กน้อย รถก็พร้อมที่จะกระชากจากมือได้ตลอดเวลา เกียร์2 อาจจะเบาไปหน่อยสำหรับคนที่ไม่ชินมืออย่างแอดมิน ถ้าเลี้ยงรอบไม่ดีก็อาจจะดับได้ ได้ใช้เกียร์3อยู่นิดหน่อยในทางทดสอบ โดยรวมถือว่าขับขี่อ๊อฟโรดได้สนุกเลยทีเดียว เบรคค่อนข้างจับเร็ว ต้องใช้ความคุ้นชินอยู่พอสมควร เอาเป็นว่าปิดคันเร่ง เบรคหลังเบาๆรถก็พร้อมจะสไลด์ท้ายผ่านอุปสรรค์ไปได้
สถานีบ่อทราย อย่างที่บอกไปข้างต้น รอบค่อนข้างเบา แอดมินไปดับสถานีนี้อยู่ 2-3 รอบ ต้องค่อยๆ ปั๊มคันเร่งไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อน เพราะรถพร้อมจะทิ้งมือเราไปทุกเมื่อ ตรงกันข้าม ถ้าไม่เลี้ยงคลัช ปั๊มคันเร่งก็ดับ แต่ข้อดีของรถที่กำลังสูงก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอุปสรรค์แบบนี้
สถานีหินลอย แน่นอนว่าหินลอยมักเป็นอุปสรรค์ที่น่ากลัวสำหรับนักขี่หน้าใหม่ แต่บอกเลยว่าช่วงล่างที่เซ็ตมานั้นทำให้ผ่านไปอย่างง่ายดาย ท้ายไหลอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อล้อหน้าไม่เสียอาการล้อหลังก็สามารถผ่านอุปสรรค์ไปได้
สถานีทางชันทางลาด แน่นอนว่าเครื่อง 450 ซีซี อุปสรรค์ทางชันไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างได เปิดคันเร่งเล็กน้อยรถก็สามารถไต่ขึ้นได้แบบชิวๆ เช่นเดียวกับทางลาด เอนจิ้นเบรคทำงานได้ดีมาก ประคองเบรคหน้าเล็กน้อยแทบไม่ต้องใช้เบรคหลังเลย
สถานีเนินลูกระนาดถี่ยิบ เป็นสนามทดสอบที่มีเนินลูกระนาดถี่จนแทบไม่ได้หายใจกันเลยก็ว่าได้ ช่วงล่างตอบสนองได้ดีมากผ่านอุปสรรค์ได้ง่าย ลดภาระของมือที่ใช้ประคองแฮนด์ไปได้มาก ผมค่อนข้างประทับใจกับช่วงล่างระดับรถแข่ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้ขับขี่ แต่สถานีนี้แอบหายใจถี่อยู่พอสมควร ทีมงานแนะนำว่าลองปรับความแข็งอ่อนของโช๊คให้เข้ากับสไตล์การขับขี่ของแต่ละคนก็จะสนุกยิ่งกว่านี้
สถานีเนินจั๊ม แอดพยายามกับสถานีนี้มากเพื่อให้ได้ภาพสวยๆ แต่ด้วยความที่ใจไม่กล้าพอเลยไม่กล้าเปิดแลก ผ่านไป 3 รอบ เริ่มชินกับรถ ประกอบกับเป็นรอบสุดท้าย หางตาเห็นช่างภาพยืนเล็งกล้องอยู่ ตัดสินใจเติมคันเร่ง หน้าลอย จนในที่สุดก็ทำได้ ภาพตอนขึ้นจำไม่ได้ แต่ตอนลงรู้เลยว่าโอ้มันลงนุ่มนวลดีจัง รู้งี้กล้าตั้งแต่แรกก็ดี ถึงว่าพี่ๆ ท่านอื่นโดดกันสนุกเลย
โดยรวมแล้วหลังจากที่ได้ขับขี่ ระยะทางรอบละ 4 กิโลเมตร ถึง 4 รอบ เป็นรถที่น้ำหนักเบามาก เท่าที่เคยได้สัมผัสมาในรถแนวนี้ มีความดุดันสูงถึงแม้ว่าจะถูกตอนม้าลงมาแต่ก็ถือว่ายาแรงเลยทีเดียวก็ว่าได้ ต้องใช้สกิลในการขับขี่พอสมควร ถึงแม้ว่ารถค่อนข้างสูงแต่เมื่อปรับตัวให้ชินในการขับขี่แล้ว ก็ไม่ยากในการควบคุมรถ เบาะนั่งซับพอร์ตได้ดีไม่ลื่นไหล ตัวรถถึงแม้จะถูกออกแบบมาให้กว้างขึ้นกว่าตัวแข่งเล็กน้อย ก็ยังถือว่ากระชับ ใช้เข่าบีบถังได้ง่าย องศาของแฮนด์บาร์ ถึงแม้จะไม่ได้กว้างแต่ก็บังคับเลี้ยวได้ดี เรือนไมล์เป็นตำแหน่งที่แทบจะไม่ได้มองเวลาขับขี่ มีไฟบอกสถานะเกียร์ว่างต้องอาศัยฟังเสียงเครื่องยนต์เอา ไฟแสดงสถานะน้ำมันเหลือน้อย ช่วงล่างที่ให้มานั้นถือว่าพอเพียงสำหรับการที่จะเอาไปลุยในป่า อาจจะปรับตั้งค่าความแข็งอ่อนตามความชอบของผู้ขับขี่ ระบบเบรคหน้าหลังค่อนข้างจับไวตามสไตล์รถ ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของรถที่ผู้ขับขี่ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับรถ เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเบา ท่อใบใหญ่สะดุดตาไม่ต้องเบิกใบใหม่ก็ถือว่าเพียงพอ
บทสรุป New Honda CRF450RL เป็นรถที่เหมาะกับผู้ที่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการขับขี่รถแนวเอ็นดูโร่อยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นรถที่ถูกตอนแรงม้ามาจากสนามแข่ง แต่ก็ยังคงความดุดันค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่าจะใส่ทะเบียนขี่ในทางดำได้ แอดมินก็ยังยืนยันว่า มือใหม่ต้องใจเย็นๆ สำหรับโปรทั้งหลายแอดว่า ซักครั้งในชีวิตสำหรับรถคลาสนี้กับราคาที่จับต้องได้ รับรองว่าคุณจะแกะมันออกจากในหัวไม่ได้เลย ไม่ว่าคุณจะเอาไปขี่อ๊อฟโรดหรือสนามแข่งขัน ในทางออนโรดทางฮอนด้าเองได้แก้ในเรื่องของอาการรถสั่นและยางดังมาให้ทำให้สั่นและดังน้อยลง แต่อย่างที่ทราบกันว่าการดูแลบำรุงรักษารถสูตรอาจจะต้องใส่ใจมากขึ้นหน่อย กับระยะการบำรุงรักษา ซึ่งแอดก็เชื่อว่าหากคุณพร้อมเป็นเจ้าของเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด หาก 250L 300L 250 Rally 300 Rally รู้สึกยังไม่พอมือ แอดมินขอแนะนำยาแก้ตึงมือจากฮอนด้า กับ New CRF450RL รับรองได้ว่ามันส์กลับถึงบ้านหลับสบายแน่นอน ตัวแอดมินเองถ้ามีโอกาสได้ขี่อีกซักครั้งคงทำได้ดีกว่านี้แน่นอน อยากมีรูปโดดเนินสูงๆ กับเค้าบ้าง เพื่อนๆท่านไหนสนใจ New Honda CRF450RL ลองไปสอบถามที่ Honda Big Wing ใกล้บ้านท่าน อาจจะใช้เวลาซักนิดเนื่องจากเป็นรถที่นำเข้าจากญี่ปุ่น แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณเอพีฮอนด้าที่ได้ให้ทีมงาน GreatBikerได้ร่วมแก้อาการตึงมือในครั้งนี้ด้วยครับ โดยราคาของ New Honda CRF450RL นั้นจะอยู่ที่ 339,000 บาท โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience