Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

บันทึกเส้นทางขับขี่ ไปกับ Royal Enfield Tour of Thailand 2018

ผมได้มีโอกาสได้เดินทางร่วมทริปไปกับกลุ่มลูกค้าของ Royal  Enfield และพี่น้องสื่อมวลชน เพื่อขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศหนาวที่แม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ โดยการเดินทางในครั้งนี้ มีระยะเวลาทั้งหมด 7 วัน ระยะทางร่วม 1,500 กิโลเมตร  การเดินทางของเราในครั้งนี้ผมได้ขับขี่เจ้า classic 500 รถที่มีรูปร่างหน้าตาโบราณสมัยสงครามโลก แน่นอนใครที่พอทราบข้อมูลก็จะรู้ว่า ถ้าจะหาอะไรดิบกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วหละ เล่าคร่าวๆ ก่อนว่า Royal Enfield Classic 500 ที่เห็นในปัจจุบันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถสมัยสงครามโลก ซึ่งทาง Royal Enfield เองได้รับหน้าที่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ให้เแก่กองทัพอังกฤษ และรัสเซียตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่1 และยุทโธปกรณ์ที่สำคัญนั่นก็คือมอเตอร์ไซค์ทางการทหารที่มีความคล่องตัวและน้ำหนักเบานั่นเอง  ใครที่อยากทราบรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับตำนานบทนี้ก็ลองหาอ่านกันดูครับ

นอกจากเจ้า classic 500 ที่ผมได้ขับขี่แล้ว ยังมีเจ้า bullet 500 และ Himalayan ร่วมทริปมาอีกกว่า 20 คัน มีทั้งพี่ๆ ที่ออกทริปกันประจำและพี่ๆ ที่เพิ่งเคยออกทริปเป็นครั้งแรก โดยคร่าวๆ แล้วเส้นทางขับขี่ในรูทนี้ผมได้ขับขี่มาบ้างแล้ว ถือว่าเป็นรูทที่ยากเอาการอยู่เหมือนกัน  ทั้งทางชัน และถนนที่แคบ มือเก๋ายังหวั่นใจ มือใหม่ยังคิดอีกที ขออนุญาติเล่าเป็นช่วงเป็นตอนของเส้นทางละกัน เผื่อท่านไหนสนใจมาซ้ำรอย ก็จะได้ไม่ต้องหาข้อมูลกันมากนัก

กรุงเทพ-แม่สอด  ระยะทาง 500 กิโลเมตร
9ckGyb.jpg

เราเดินทางออกจากกรุงเทพ ช่วง 8 โมงเช้าที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 การเดินทางออกจากกรุงเทพเราได้ความอนุเคราะห์จากพี่ๆ จราจร  ทำให้ขบวนขับขี่สะดวกขึ้น แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะออกมาได้ ความคล่องตัวของ classic 500 ถือว่าทำได้ดี ผมยอมรับว่าผมมีปัญหากับรถเป็นอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสความรู้สึกที่เพื่อนๆ ในเพจเตือนว่า มันจะมีอาการสั่นอย่างรุนแรง การใช้ครัช เบรก และการควบคุมรถของผมแทบจะเป็นศูนย์  และที่สำคัญผมเพิ่งขี่รถในกรุงเทพเป็นครั้งแรก บอกเลยว่าเหงื่อตกครับแต่ก็ผ่านออกมาได้โดยปลอดภัย ช่วงกรุงเทพมาถึงจังหวัดตากเป็นช่วงที่ขับได้ด้วยความเร็วสูง ผมก็ลองอัดเจ้า classic 500 ดูว่ามันจะไปจบที่เท่าไหร่ ช่วงความเร็วไม่เกิน 80 ถือว่าเป็นรถที่นิ่งนั่งสบาย แต่พอลองใช้ความเร็วสูงอาการแฮนด์สั่นเริ่มรู้สึกได้ ผมลองไปที่ความเร็ว140 ก็ต้องผ่อนคันเร่งเพราะไม่สามารถทนได้ แต่ต้องบอกว่า แนวทางพื้นฐานรถไม่ได้ถูกผลิตมาเพื่อให้ใช้ความเร็วสูงนั่นเอง

9ckvsJ.jpg

ความสนุกเริ่มขึ้นเมื่อเราเลี้ยวเข้าถนนตาก-แม่สอด หมายเลข 12 ซึ่งมีการทำถนนอยู่บางช่วง ส่วนช่วงถนนที่ทำเสร็จแล้วบอกเลยว่าขี่สนุกมาก เป็นทาง 6 เลน กว้างและรถค่อนข้างน้อย ส่วนมากจะเป็นรถเทลเลอร์และสิบล้อ  แต่ต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างสูง ยิ่งทางดี โค้งกว้าง ความเร็วก็จะสูงไปด้วย บางช่วงถนนที่ก่อสร้างยังไม่เสร็จก็ต้องย่องกันไปบ้างพอสมควร ถือว่าเป็นทางไม่ยากมาก ให้สมาชิกในขบวนได้ปรับตัวและสร้างความมั่นใจในการขับขี่กันก่อน ส่วนผมก็ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับ classic 500 พอสมควร แต่ก็ถือว่าตอบสนองได้ดีในระดับนึง แรงทอร์กไม่จัดแต่ออกแนวกว้าง คือเวลาเร่งความเร็วจะไม่มาในทันทีแต่จะค่อยๆ มาเรื่อยๆ  ต้องใช้เกียร์ช่วยในทางชัน เอนจิ้นเบรกไม่ค่อยมากต้องใช้เบรกหน้าและหลังพอสมควร การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงตัวอำเภอแม่สอด

9ckLTf.jpg

จุดท่องที่เที่ยวที่น่าสนใจของแม่สอด
9ckeja.jpg

ตลาดริมน้ำเมยที่ให้เพื่อนๆ ได้ไปถ่ายรูปเช็คอินและเลือกซื้อของฝากกัน  ที่สำคัญตลาดแห่งนี้ยังเป็นแหล่งขายปูเนื้อและกุ้งที่มาจากพม่าตัวใหญ่มาก  โกดังจักรยานมือสองจากญี่ปุ่น โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแบรนด์ดัง อาหารของที่นี่อีกอย่างที่ขึ้นชื่อคือโรตีโอ่งครับ  ถามทางกูเกิ้ลได้เลยรับรองเด็ดครับ

แม่สอด-แม่สะเรียง  ระยะทาง 233 กิโลเมตร
9c30cu.jpg

การเดินทางวันที่ 2 การเดินทางในวันนี้ถือว่าเป็นทางที่โหดที่สุดและก็สวยที่สุด ไปบนทางหลวงหมายเลข 105 โหดที่สุดคือทางเป็นทางลัดเลาะแนวตะเข็บชายแดนทางภาคตะวันตกติดกับพม่า  เป็นทางที่ไม่ค่อยมีรถวิ่งเนื่องจากทางคดเคี้ยวและชัน ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ที่ใช้เส้นทางนี้ ถนนเส้นนี้จะผ่านไปยังอำเภอท่าสองยางจังหวัดตาก ก็จะมีชาวไทยพื้นถิ่นและชาวไทยภูเขาอาศัยอยู่  วัฒนธรรมก็จะแตกต่างกันออกไป หากเพื่อนๆท่านไหนไม่รีบในการเดินทางอยากให้ลองแวะทักทายคนแถวนั้นดู จะมีทั้งกาแฟที่เค้าปลูกเองมาขาย ตลอดจนข้าวดอยที่มีรสชาติและรูปลักษณ์เหมือนกับข้าวญี่ปุ่นแถมอร่อยอีกด้วย  ส่วนที่ว่าสวยที่สุด คือ ถนนเส้นนี้จะเป็นถนนที่ทอดผ่านไปในป่าดิบชื้น เราจะมองเห็นอุโมงค์ต้นไม้ตลอดทาง อากาศเย็นสบาย ช่วงทางขึ้นเขาชันๆ จะมีจุดจอดรถ สามารถแวะถ่ายรูปกันได้ตามอัธยาศัย

9c3d70.jpg

9ckIU8.jpg

วันนี้ผมกับรถเราเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น เริ่มให้รถเป็นตัวนำไม่ฝืนใช้ความเร็ว  จากวันแรกที่เหมือนจะควบคุมเบรกได้ยากในช่วงก่อนเข้าโค้งหนักๆ วันนี้เองผมก็ยกคันเร่งให้เร็วขึ้น ลองจัดท่าทางหลายๆ แบบในการเข้าโค้ง  ก็มั่นใจและเข้าใจความดิบของมันมากขึ้น พี่เจมส์หนึ่งในสมาชิกของทริปเล่าว่าปกติใช้รถที่มีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่จนชิน พอมาขี่แบบนี้รู้สึกกลัวไปหมด ขี่แทบจะไม่ได้  รู้เลยว่าบางทีเทคโนโลยีมากไปก็ทำให้เราเสียนิสัยได้เหมือนกัน

9c3SyI.jpg

แม่สะเรียงเมืองที่สงบเงียบเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีวัฒนธรรมโดดเด่น  ชาวแม่ฮ่องสอนดั้งเดิมจะมีเชื้อสายไต จะเห็นได้จากวัดวาอารามที่มักจะมีศิลปะไทยและพม่าผสมผสานกันอยู่ ภาษาพูดที่เป็นเอกลักณ์ขนาดผมเองเป็นคนเหนือยังต้องฟังแบบตั้งใจมากๆ ถึงจะฟังออก ประเพณีที่สำคัญของชาวแม่สะเรียงคือวันออกพรรษา  หรือที่เรียกว่า ประเพณีออกหว่า ซึ่งถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ประจำปี หากใครอยากมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวแม่สะเรียงให้มาช่วงออกพรรษาครับ

9c372Z.jpg

9ckM8R.jpg

แม่สะเรียง-บ้านรักไทย  ระยะทาง 211 กิโลเมตร
9c3hqk.jpg

เส้นทางการขับขี่วันนี้คล้ายกับเส้นแม่สอด-แม่สะเรียง  เป็นทางคดเคี้ยวไปตามป่าเขา ความยากของเส้นทางนี้ก็คือจะมีการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น มีทั้งรถบรรทุกและรถยนต์ ตลอดไปจนถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทาง  เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ชาวแม่ฮ่องสอนใช้สัญจรกัน การเดินทางมาแม่ฮ่องสอนด้วยทางชนบท สามารถมาได้ 2 ทาง นั่นคือทางแม่สะเรียง ที่เชื่อมถนนระหว่างจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดตากไว้  อีกทางนึงนั่นคือทางอำเภอปาย ที่ติดกับจังหวัดเชียงใหม่

9c3cGg.jpg

จุดท่องเที่ยวระหว่างทางมีหลายที่มาก  ตั้งแต่ดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม เป็นจุดชมดอกบัวตอง เมื่อดอกบัวตองบานจะเห็นเป็นสีเหลืองทั้งภูเขา  เพื่อนๆ สามารถมาชมได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ก่อนถึงแม่ฮ่องสอนไม่ไกลจะมีหมู่บ้านผาบ่อง อยู่ที่นี่เองมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติให้เพื่อนๆ ได้แช่ตัวแช่เท้าแก้อาการเมื่อยล้าจาการเดินทางได้ดีเยี่ยม

9c3ifW.jpg

9c3EFJ.jpg

ถัดไปอีกไม่ไกลจะมีจุดชมวิวและร้านกาแฟอยู่  จุดนี้เองเพื่อนๆ สามารถมองเห็นผาบ่องได้อย่างชัดเจน  ผาบ่องเป็นชื่อที่คนแม่ฮ่องสอนเรียกกัน ผาแปลได้ว่า “เขา ภูเขา” บ่อง แปลได้ว่า “ ช่อง”  ผาบ่องแปลตามความหมายคือ “ช่องเขา”นั่นเอง ที่นี่เองจะมีอากาศที่เย็นสดชื่นและมีลมพัดผ่านตลอดทั้งวัน

วัดพระธาตุดอยกองมู

9c3TgN.jpg

วัดสำคัญประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน  เป็นวัดที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะไทยผสมพม่า  จุดเด่นของวัดแห่งนี้ สามารถชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอนได้ชัดเจน  และยังสามารถเห็นสนามบินประจำจังหวัดอีกด้วย ถือว่าเป็นสนามบินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยก็ว่าได้

9c3Zln.jpg

การเดินทางออกจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปยังบ้านรักไทยจะใช้เส้นทางไปพระตำหนักปางตอง  ซึ่งจะเป็นทางที่ชันและคดเคี้ยวมากการขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปก็เป็นทางเลือกที่นักท่องเที่ยวนิยมกัน  ก่อนจะถึงบ้านรักไทยก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเช่น

สะพานซูตองเป้

9c3t2V.jpg

สะพานที่กลายเป็นสัญลักณ์ของเมืองแม่ฮ่องสอนไปแล้ว  ใครที่มาแม่ฮ่องสอนจะต้องได้แวะไปถ่ายรูปเช็คอินกัน ก็ถือได้ว่ามาถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว

บ้านรักไทย

9c3fBl.jpg

หมู่บ้านที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนยูนานอาศัยอยู่  ที่นี่มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และร้านชามากมายซึ่งที่นี่เองจะมีกลุ่มสหกรณ์ผู้ปลูกชาทำให้เพื่อนได้ชิมชาที่สดใหม่ทุกวัน หากใครได้มานอนพักที่นี่ก็จะต้องห้ามพลาดตื่นเช้าขึ้นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกับทะเลหมอกที่ปกคลุมทะเลสาบ สวยงามมาก

ปางอุ๋ง

9c3k8v.jpg

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เพื่อนๆ มาแล้วอยากให้ไปชมกัน  ปางอุ๋งเป็นอ่างเก็บน้ำในโครงการพระราชดำริปางตอง 2 มีคนขนานนามว่าเป็นสวิซเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยบรรยากาศที่สวยงามมีหมอกลอยเหนือน้ำในช่วงเช้าๆ ที่นี่ยังสามารถกางเต้นท์พักแรมได้ ที่นี่เองยังเป็นศูนย์สาธิตการปลูกดอกไม้และผลไม้เมืองหนาวอีกด้วย

9c397E.jpg

อย่าลืมนะครับใครที่เดินทางมาแม่ฮ่องสอนไม่ว่าจะขับรถยนต์ ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือนักท่องเที่ยวเอง สามารถไปของรับประกาศนียบัตรได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย  ทำได้ทุกวันตั้งแต่ 8.00-17.30 น. ครับ

บ้านรักไทย – ปาย ระยะทาง 169 กิโลเมตร
9c3a5l.jpg

การเดินทางลงมาจากบ้านรักไทยต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ  ด้วยเป็นทางลงเขาที่ค่อนข้างชัน และเป็นโค้งพับ ต้องอาศัยเอนจิ้นเบรกและเกียร์ต่ำในการลง สลับเกียร์ 1 และเกียร์ 2 ตลอดทาง การเดินทางจากแม่ฮ่องสอนมาอำเภอปายนั้นมีความสะดวกกว่าแต่ก่อนมากมีบางช่วงที่เป็นถนนกว้างขับขี่ง่าย  จากแม่ฮ่องสอนมุ่งหน้าสู่อำเภอปายต้องผ่านอำเภอปางมะผ้า ซึ่งที่นี่เองก็มีแหล่งท่องเที่ยวหลายจุดด้วยกัน

ถ้ำลอด

9c3LuN.jpg

เป็นถ้ำที่มีชื่อเสียง สวยงาม และเข้าชมได้ง่ายสะดวกสบายที่สุดในบรรดาถ้ำทั้งหมด การเข้าชมถ้ำจาก ด่านด้านหน้าต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 350 เมตร พร้อมคนนำทางและตะเกียงส่องทาง สาเหตุที่ไม่มีการติดตั้ง ไฟในถ้ำต่างๆ ก็เพื่อเป็นการรักษาถ้ำเหล่านี้ให้สวยงามและคงเดิมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังสร้างรายได้เสริมให้กับ ชาวบ้านใกล้เคียงที่สมัครมาเป็นคนนำทางให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย เมื่อถึงบริเวณปากทางเข้าถ้ำนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มาถึงบางอ้อว่าทำไมถ้ำแห่งนี้ชื่อว่า “ถ้ำลอด” นั่นเป็นเพราะถ้ำแห่งนี้มีสายน้ำไหลผ่านตั้งแต่ปาง ทางเข้าถ้ำไปจนถึงถ้ำสุดท้ายที่อยู่ภายในโพรงแห่งนี้มีความยาวกว่า 500 เมตร กว้าง 20 เมตร สูง 50 เมตร สายน้ำกัดเซาะโพรงถ้ำแห่งนี้มากกว่าล้านปี ก่อเกิดเป็นถ้ำใหญ่ๆ ถึง 3 แห่ง ได้แก่ ถ้ำเสาหิน, ถ้ำตุ๊กตา และถ้ำผีแมน

9c3GSv.jpg

9c3JiE.jpg

บ้านจ่าโบ่

9c3eIV.jpg

ซึ่งเป็นชุมชนชาวเขาที่ตั้งอยู่ใน อ. ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน  ที่นี่นอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้วยังมีวิถีชีวิตชนเผ่าที่น่าสนใจและน่ามาเรียนรู้  เมื่อมาถึงหมู่บ้านเราก็จะได้เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาซึ่งเป็นร้านขึ้นชื่อของที่นี่ เพราะนอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยในราคาหลักสิบให้ได้ทานแล้ว มองไปรอบๆ จะเห็นว่าตั้งอยู่ในมุมที่เหมาะเจาะมองเห็นภูเขาที่สวยงามสลับซับซ้อน และในเวลาเช้าร้านนี้ก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มารอชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น

9c3ywQ.jpg

ถนนคนเดินปาย
9c3FDS.jpg

เป็นถนนคนเดินตอนเย็นในตัว อ.ปาย ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีของขายหลายอย่าง เสื้อผ้า ของกิน ของที่ระลึก งานแฮนด์เมด ร้านอาหาร – อาหารท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายทัวร์ และยังเป็นถนนสำคัญของอำเภอปายที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อีกหลายแห่งถนนคนเดินปายได้เริ่มต้นจากชาวเขาและชาวบ้านในอำเภอปายนำสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกมาขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ จากแผงสินค้าเล็กๆ ต่อมาเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาจับจองพื้นที่การขายกันมากขึ้น จนทำให้เกิดเป็นถนนคนเดินปาย และทางการอำเภอปายจึงร่วมมือปิดถนนชัยสงคราม เริ่มจากที่ว่าการอำเภอปายจนถึงลำน้ำปายมีการปิดจราจรทำให้สองข้างทาง เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมเลือกซื้อสินค้าเป็นของฝากของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รูปภาพ โปสการ์ด ตลอดจนถึงร้านอาหารและแหล่งบันเทิงต่างๆ ที่อยู่บนถนนเส้นนี้ได้

9c3pVk.jpg

วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเดินทาง ต้องบอกเลยว่าร่างกายผมเริ่มจะล้าอย่างเห็นได้ชัด  การคิดการตัดสินใจทำได้ค่อนข้างช้า ผมเริ่มมีอาการปวดและชาตรงสะโพกเนื่องจากที่นั่งที่บังคับให้หลังตรง  ส่วนตัวรถเองมันก็สามารถขับขี่ของมันไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะทางโค้งทางชัน ยิ่งได้ขี่บ่อยขึ้น จับจังหวะได้มากขึ้น ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นรถที่น่าขี่คันนึงเลยทีเดียว

ปาย-เชียงใหม่ ระยะทาง 146 กิโลเมตร

9c3IJn.jpg

การเดินทางในวันนี้เป็นการเดินทางระยะไกลวันสุดท้าย  ช่วงเช้าแต่คนคนสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ของอำเภอปายได้ตามอัธยาศัย ผมเลือกที่จะตื่นเช้าอีกวันเพื่อไปสัมผัสทะเลหมอกที่ม่อนหยุนไหล

จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล

9c90V2.jpg

ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน  ห่างจากหมู่บ้านสันติชล ประมาณ 1.6 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของอำเภอปาย ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่ถูกรายล้อมไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ และทัศนียภาพบ้านเรือนของเมืองปายที่ถูกปกคลุมด้วยสายหมอก   คำว่าหยุนไหล เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง แหล่งที่เมฆไหลมารวมกัน ซึ่งเปรียบเสมือนคนจีนยูนานที่อพยพมาจากเมืองจีน แต่ในที่สุดก็อพยพย้ายถิ่นฐานมารวมกัน จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล สามารถชมได้ทั้งฤดูฝนและฤดูหนาว บริเวณจุดชมวิวได้จัดทำเป็นระเบียงชมวิวและจุดถ่ายภาพน่ารักๆ หลายจุด ทั้งระเบียงชมวิว จุดคล้องกุญแจคู่รัก  ป้ายร้อยที่บอกรัก และศาลาสำหรับนั่งชมวิวยามเช้า ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีบริการเครื่องดื่มชาร้อนใส่มาในกาน้ำร้อน ให้จิบไปชมวิวไปได้อีกด้วยโดยคิดราคาชุดละ 20 บาท สำหรับการมาชมจุดชมวิวเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท บริเวณจุดชมวิวมีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ห้องพัก ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ และร้านค้า คอยบริการนักท่องเที่ยว ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับชมทะเล ควรมาแต่เช้าประมาณ 6 โมง – 7 โมงเช้า

9c9Yiy.jpg

วัดน้ำฮู

เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปายเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่ออุ่นเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปองค์นี้ พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 มีพระธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่มานมัสการ และสงสัยว่าข้างใน พระจะมีน้ำ จึงเปิด ดูพบว่ามีน้ำจริงๆ ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีผู้คนหลังไหลมาขอน้ำไปสักการะพอน้ำในพระเศียรหมดก็จะมีไหลออกมาอีก ในลักษณะซึมออกมาตลอดเวลา จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาขอน้ำมนต์ไปสักการะอยู่เนืองๆ วัดน้ำฮูแห่งนี้มี พระเกษาของสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยาซึ่งด้าน หลังวิหารหรือโบสถ์ของวัดน้ำฮูเห็นพระเจดีย์สีทองอยู่เรียกว่า เจดีย์อัฐิพระสุพรรณกัลยาและมองออกไปข้างกันนั้นก็มีศาลาประดิษฐานที่มีรูปพระพี่นางอยู่ พระเจดีย์นี้ไม่มีบันทึก ประวัติการสร้างอย่างชัดเจน เชื่อกันว่าสร้างโดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จ พระพี่นาง สุพรรณกัลยา ซึ่งได้เสด็จไปเป็นตัวประกันที่พม่าแทนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ต่อมาได้ถูกปลงพระชนมที่พม่านั่นเองภายในพระเจดีย์นี้ยังบรรจุเส้นพระเกษาของ สมเด็จพระพี่นางฯ ไว้

สะพานประวัติศาสตร์ปาย

9c9Whg.jpg

สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย มีลักษณะคล้ายกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี ที่เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นเส้นทางเดินทัพจากเชียงใหม่ ผ่านอำเภอปายไปยังประเทศพม่า แต่เดิมนั้นเป็นสะพานไม้ ภายหลังสงครามสิ้นสุดทหารญี่ปุ่นถอยทัพกลับได้เผาทำลายสะพานไม้ทิ้ง และชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ สะพานถูกน้ำพัดหายไป ทางอำเภอจึงได้ขอสะพานเหล็ก “นวรัฐ” เดิมของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้ใช้การแล้วมาใช้ทดแทน ซึ่งก็คือ “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” ในปัจจุบัน

หลังจากท่องเที่ยวกันตามฮัธยาศัยแล้วเราก็ได้เดินทางมุ่งหน้าลงสู่จังหวัดเชียงใหม่ การเดินทางบนถนนเส้นนี้ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากมีรถบรรทุก  รถนักท่องเที่ยวทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์วิ่งกันตลอดทาง ถนนบางช่วงมีการปรับปรุงพื้นผิวจราจรเหลือการจราจรแค่เลนเดียว เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นช่วงเย็นทำให้การจราจรติดขัดพอสมควร  ช่วงนี้เองก็ได้ทดสอบความคล่องตัวของเจ้า classic 500 ก็สามารถขับขี่ซอกแซกไปตามทางได้ไม่ยาก แต่รู้สึกว่าเสียงท่อจะดังเป็นพิเศษ ขับอยู่ในป่าหลายวันแทบจะไม่ได้ยินเสียงท่อ ฟังดูก็มีพลังไปอีกแบบ

เชียงใหม่-วัดพระธาตุดอยสุเทพ ระยะทาง 52 กิโลเมตร
9c9K60.jpg

ก่อนเดินทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงใหม่ เราก็ได้เดินทางไปเยี่ยมโชว์รูม Royal Enfield ที่บริษัทสหพานิชเชียงใหม่  โดยคุณสลิล ลิ้มเล็งเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่และพี่น้องRE เชียงใหม่ให้การต้อนรับ

9c91RR.jpg

หลังจากนั้นพี่น้องRE เชียงใหม่ได้นำคาราวานTour of Thailand 2018 ขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพเพื่อเป็นศิริมงคลต่อไป การเดินทางขึ้นดอยสุเทพ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นได้หลายวิธี  วิธีแรกคือการขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไป หรือหากใครไม่ชินกับการขับขี่รถก็สามารถนั่งรถสองแถวหรือที่เรียกว่ารถสี่ล้อแดงจากตีนดอยตรงอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยขึ้นมาก็ได้ หรือใครต้องการวัดพละกำลังก็สามารถเดินเท้าขึ้นมาได้ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 14 กิโลเมตรใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2-3 ชั่วโมง คุณจะได้สัมผัสโอโซนของเมืองเชียงใหม่อย่างไกล้ชิด  พร้อมกับชมน้ำตก ทั้ง 4 แห่งได้อย่างครบถ้วน ทั้งน้ำตกห้วยแก้ว, น้ำตกมณฑาธาร, น้ำตกวังบัวบาน และน้ำตกผาลาด และจุดชมวิวเชียงใหม่ตลอดเส้นทาง

9c9ZMu.jpg

ในช่วงเย็นของวันนี้ทาง Royal Enfield Tour of Thailand และสหพานิชได้เลี้ยงขอบคุณผู้ร่วมคณะและมอบประกาศนียบัตรเพื่อเป็นที่ระรึกให้กับคณะ Tour of Thailand 2018 อีกด้วย

9c9g1Z.jpg

9c9iDI.jpg

9c9RLP.jpg

บทสัมภาษณ์
9c92Og.jpg

พี่ทองแท้  หญิงหนึ่งเดียวในกลุ่ม  พี่ทองแท้ขี่มอเตอร์ไซค์มาได้ 5 ปี ไปเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ พี่เค้าได้มาทริปครั้งนี้จากการเชิญชวนของพี่ๆ ในกลุ่มผมถามพี่ทองแท้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวเลยในกลุ่มเป็นยังไงบ้าง แกบอกว่าปกติก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นเหนือล่องใต้คนเดียวเป็นปกติอยู่ แล้วสิ่งสำคัญคือต้องดูแลตัวเองได้ก่อน รู้และเข้าใจพื้นฐานของรถด้วย  เวลาออกทริปไปเป็นกลุ่มก็จะต้องแชร์การขับขี่กัน ถึงจะขับขี่สนุก ผมว่าถูกอย่างพี่เค้าบอกครับเวลาเราไปเป็นกลุ่มเราก็ควรจะลดสกิลบางอย่าง แล้วก็เพิ่มความใส่ใจต่อเพื่อนร่วมทริปด้วยมันถึงจะสนุกเพราะแต่ละคนเวลาการขับขี่ก็ต่างกันอยู่แล้ว

ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่อั๋น ซึ่งแน่นอนผมเดาไม่ผิดว่านี่ไม่ใช่รถคันแรกของแกอยู่แล้ว  พี่อั๋นบอกว่า classic ที่แกขี่มันก็ให้อารมณ์เดียวกันกับรถอเมริกันราคาสูงๆ เหมือนกัน แต่ถ้าถามเรื่องอัตราเร่งแน่นอนมันสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งถ้าใครชื่นชอบแนวดิบๆ Royal Enfield ก็เป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกนึงเลยแถมราคายังจับต้องได้อีกด้วย

9c9HWD.jpg

คู่รักสายแฟชั่น พี่เก่งและพี่เก๋ ที่มีเสื้อผ้าแฟชั่นขี่มอเตอร์ไซค์ก่อนจะมีรถด้วยซ้ำ  ทั้งสองคนเล่าให้ฟังว่านี่เป็นทริปแรกที่ได้เดินทางไกลๆ ปกติไกลสุดก็แค่กรุงเทพ-เขาใหญ่  ได้มีโอกาสไปเรียนขับขี่ในสนามบ้างพอมาเจอถนนจริงๆ มันคนละเรื่องกับที่เรียนมาในสนาม พอมาเจอทางที่ยากก็ทำให้มีสกิลในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น

9c9XAJ.jpg

จ่าปอนด์ หนุ่มใต้ผู้หลงรักมอเตอร์ไซค์ ขี่ GT มาจากนราธิวาส  ต้องยกรถขึ้นรถไฟมาลงหาดใหญ่แล้วขี่เข้ากรุงเทพ ได้เล่าว่าแกประจำการอยู่ชายแดนมีเวลาพักเวรเลยออกมาท่องเที่ยวไม่ค่อยได้มาทางเหนือ เลยร่วมทริปมาท่องเที่ยวครั้งนี้ด้วย ปกติอยู่ที่ใต้ก็จะไม่มีเขาหรือทางโค้งเยอะขนาดนี้ ได้ขี่แล้วรู้สึกสนุกมาก รถ Royal Enfiled เป็นรถที่ดีมากในราคาระดับนี้ แต่ก็มองตัว 650 ตัวใหม่ไว้อยู่เหมือนกัน แกบอกว่าถ้ามีตัวใหม่ตัวนี้คงเก็บไว้ให้ราคามันสูงเป็นของสะสม  ผมนี่ยอมใจพี่แกจริงๆ ขามาว่าไกลแล้ว ขากลับพี่แกยังนั่งรถทัวร์จากเชียงใหม่ลงกรุงเทพอีก ถ้ามีโล่การเดินทางดีเด่นผมยกให้คนนี้เลย

9c9CaW.jpg

Mr.Ravipal ก็เป็นอีกหนึ่งท่านที่เพิ่งเคยออกทริปไกลๆ แกเล่าว่าวันแรกเกรงไปหมดไม่ว่าจะทางตรงหรือทางโค้ง ไม่รู้ว่าควรจะเบรกหรือเร่งตรงไหน แต่ก็ได้คำแนะนำการขับขี่กับเพื่อนร่วมทริปและทีมงานมาแชลก็ขับขี่ได้ดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น  เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับวันแรกแกขี่อยู่กลุ่มท้ายๆ หลังจากนั้นสองวันผมขี่ตามแกไม่ทันเลย

9c96z2.jpg

9c9r6y.jpg

MR.Vikas และ Mr.Shaffi  อาคันตุกะที่เดินทางมาจากดูไบ  ซึ่งติดใจมาจาก Tour of Thailand ภาคแรก และปีนี้แกก็ยังเดินทางมาอีกครั้ง  ผมได้มีโอกาสคุยกับ Mr.Shaffi แกบอกว่าแกทำงานเกี่ยวกับการผลิตน้ำมัน เคยเดินทางมาปีก่อนแล้วชอบมาก กว่าแกจะมาถึงไทยต้องไปแวะที่อินเดียก่อน  แกบอกว่าขี่รถในไทยสนุก มีโค้งเยอะๆ ให้ได้ขี่ ผู้คนนิสัยดี อาหารอร่อย ผมถามแกว่าใช้รถอะไรอยู่ แกบอกใช้หลายคันเลย classic Himalayan bullet ที่สำคัญแกมี GT 650 ตัวใหม่ด้วย  บอกเลยว่าแรงมากๆ

9c9nx1.jpg
9c9Id0.jpg

บทสรุป Royal Enfield Tour of Thailand 2018 เป็นการเดินทางที่ต้องการให้ผู้ขับขี่รถ Royal  Enfield ได้มีประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลายขึ้นจากชีวิตประจำวัน ด้วยเส้นทางและวัฒนธรรมที่แตกต่างไปของแต่ละพื้นที่  ให้ผู้ขับขี่ได้เรียนรู้เทคนิคการขับขี่บนท้องถนนจริงๆ อีกทั้งยังมีทีมงานเซอร์วิส ช่างที่ถูกส่งตัวมาจากบริษัทแม่ที่อินเดียมาคอยดูแลรถตลอดเส้นทาง  และรถพยาบาลฉุกเฉินที่จะช่วยเหลือเวลาเกินอุบัติเหตุ ถือว่าสุดยอดครับ

9cTWPZ.jpg

สำหรับผมที่ได้ขับขี่เจ้าRoyal Enfiel cassic 500 เป็นระยะเวลาทั้งหมด 6 วัน ก็พอจะพูดได้ว่ารถคันนี้ตอบโจทย์กับผู้ที่หลงไหลความเป็นออริจินัลของสายคลาสิค  ที่ตัวรถเองไม่ได้มีอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้มากนัก เป็นรถที่ดิบๆ ไม่ใช้ความเร็วสูงแต่เน้นความถึก ทนทาน หลังจากที่ใช้งานหลายวันผมพบว่าอาการสั่นของรถสามารถรับมือได้เนื่องจากมันมีการทดแทนของการขับขี่ที่สนุก การควบคุมรถได้ง่าย  ทอร์กไม่จัดมาก น้ำหนักของรถก็ไม่ได้หนักจนเกินไป ผมมีปัญหาในเรื่องท่านั่งบ้างในวันท้ายๆ ต้องเหยียดขาไปข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้างตามแต่โอกาส หากใครต้องการที่จะนำไปคัสตอมหรือตกแต่งเพิ่มเติมผมว่าก็เป็นอีกแนวทางนึงที่น่าสนใจ อัตราสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงไม่มากนัก เติมเต็มถังสามารถขี่ได้ไม่ต่ำกว่า 350 กิโลเมตร  แต่ต้องบอกว่ารถคันนี้อาจจะบริโภคน้ำมันเครื่องอยู่พอสมควร ถ้าออกทริปไกลๆ หมั่นเช็คน้ำมันเครื่องบ่อยๆ เป็นการดีที่สุด เรื่องของวัสดุประกอบเป็นเหล็กทั้งหมด หากพลาดพลั้งล้มแปะหรือลื่นไถล รถก็มีอาการถลอกบ้างเล็กน้อย

9cTdeI.jpg

การเดินทางกว่า 1,500 กิโลเมตร ถือว่าเป็นการเดินทางที่ยาวพอสมควร  รถเองสามารถชนะอุปสรรค์ต่างๆ ไปได้สบายๆ แต่คนขับขี่อย่างผมที่พอจะได้เดินทางบ้าง  บอกเลยว่าการเตรียมตัวออกทริปเป็นเรื่องสำคัญ หลายที่เป็นเจ้าของรถได้ขับขี่บ่อยๆ ยังมีอาการให้เห็นบ้าง ผมเองจับ classic 500 เป็นครั้งแรก  คิดว่าถ้าต่ออีก 200 กิโลเมตร ผมคงต้องจอดรถพักซัก 3 วันก็เป็นไปได้

9c9MKu.jpg

ขอบคุณ Royal  Enfield Thailand ที่ให้ Greatbiker.com ได้มาร่วมทริปสนุกๆ แบบนี้  

ขอบคุณทีมงานStaff  RE. ทองหล่อที่ดูแลทุกคนตลอดทั้งทริป  

ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปและพี่น้องสื่อที่เดินทางมาด้วยกันสนุกสนานทั้งตอนขี่และตอนพัก

ขอบคุณทีมช่างภาพสำหรับภาพนิ่งและวิดีโอสวยๆ  พวกนายขี่รถเก่งมากๆ

ขอบคุณพี่วิโรจน์  จำนาญศิลป์ ช่างภาพไอดอลของผม ที่คอยถ่ายภาพและประสบการณ์ดีๆ

โอกาสหน้าหวังว่าจะได้ร่วมทริปกับทุกท่านอีกครับ

ADMIN TOT Greatbiker.com

9cT73P.jpg