ลือสนั่น Honda กางแผน CBR1000RR-R SP2 ลงสู้ WorldSBK ปีหน้า
มีข่าวลือค่อนข้างหนาหูเกี่ยวกับการพัฒนารถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่งในคลาสซุปเปอร์ไบค์ใหม่จากทางค่ายปีกนก Honda ผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น หลังจากเปิดตัว All-New Honda CBR1000RR-R เมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา และนำโมเดลรุ่นประสิทธิภาพอย่าง SP1 เข้าร่วมการแข่งขัน WorldSBK ในปี 2020 ซึ่งมีข่าวลือว่าทาง Honda เองกำลังพัฒนารุ่นประสิทธิภาพสูง SP2 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาวุธที่ใช้ในสนาม
Honda CBR1000RR-R SP1 จัดว่าเป็นโมเดลประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับการใช้งานในสนามที่ครบครั้น โดยการเปลี่ยนแปลงด้วยประสิทธิภาพของกำลังเครื่องยนต์ ชุดท่อไอเสีย ระบบช่วงล่างจาก Ohlin ระบบเบรกจาก Brembo แต่เมื่อมันเข้าสู่สนามการแข่งขัน WorldSBK ในฤดูกาล 2020 มันก็ถูกปรับแต่งไปอีกระดับ ด้วยกฎมาตรการรองรับของการแข่งขัน ซึ่งส่งผลให้ CBR1000RR-R SP1 รุ่นใหม่ที่ใช้ในสนามแข่งขั้น เป็นรถแข่งที่มีกำลังมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรถแข่งจากแบรนด์ Honda ในรายการนี้
ถึงแม้ว่าจะแรงขั้นสุดแต่ภายใต้การขับขี่ของ Alvaro Bautista อดีตดาวบิด MotoGP และเพื่อร่วมทีม Leon Haslam กลับพาเจ้า CBR1000RR-R SP ขึ้นโพเดียมไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในฤดูกาล 2020 แต่ก็มาพอมีดีกรีให้ชุ่มชื่นหัวใจเล็กน้อยกับการคว้าอันดับที่สามที่ Aragon ของ Alvaro Nautista ในฤดูกาลล่าสุด ซึ่งดูเหมือนว่า Fitrblade เองยังคงต้องให้พ้นเงาของ ZX-10RR และ Panigale V4R
Colin Edwards บน 2002 Honda VTR1000 SP2
ตามหลักการแล้ว SP2 ไม่ใช่รหัสใหม่ในวงการแข่งขันแต่อย่างใด เพราะทาง Honda เองเคยใช้รหัสนี้มาแล้วบน VTR1000 SP2 หรือ RC51 โมเดลที่ใช้ในการแข่งขันเมื่อฤดูกาล 2002 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงระบบฉีดเชื้อเพลิงและระบบกันสะเทือนเมื่อเทียบกับรุ่น SP1 ปี 2000–2001 และมันก็ได้นักแข่งยอดฝีมืออย่าง Colin Edwards พามันขึ้นสู่บังลังก์แชมป์โลกได้อีกครั้ง หลังจากทำได้ในปี 2000 กับเจ้า VTR1000 SP1 และเสียแชมป์โลกให้กับ Troy Bayliss บนตัวแข่ง Ducati 996 R ในฤดูกาล 2001 แต่หลังจากครองแชมป์โลกในฤดูกาล 2002 Honda ก็พาเจ้า CBR1000RR เป็นแชมป์โลกได้เพียงครั้งเดียวในฤดูกาล 2007 ด้วยการขับขี่ของ James Toseland และก็ไม่เคยเฉียดใกล้อันดับ TOP3 ได้อีกเลย จนถึงปัจจุบัน
James Toseland บน 2007 Honda CBR1000RR “Fireblade”
ถ้าให้วิเคราะห์แบบลงรายละเอียดแล้ว CBR1000RR-R SP1 เองก็เป็นรถแข่งที่ไร้ที่ติ มันอาจจะอยู่ในมือของนักแข่งที่ไม่ถึงเสียมากกว่า แต่ถ้าจะให้มองว่าการพัฒนาของ SP2 จะไปในทิศทางไหนแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้ที่ตัวแข่งใหม่จะมีการปรับแต่งในส่วนของแฟร์ริ่งใหม่ พร้อมกับอุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ การปรับเครื่องยนต์ให้มีกำลังเพิ่มขึ้น แต่ต้องยังคงรูปแบบของรถที่สามารถเข้าและออกโค้งได้ไวเอาไว้เหมือนเดิม รวมไปถึงการลดน้ำหนักตัวรถ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและการจัดการที่ไม่เปลืองแรงนักแข่งในการควบคุม
แน่นอนว่ารถที่จะใช้แข่งใน WorldSBK นั้นจะต้องเป็นรถ Production ที่มีวางจำหน่ายในตลาด ซึ่งต้องมีการผลิตขั้นต่ำที่ 500 คัน แต่เชื่อได้เลยว่า Honda เองจะใช้แนวทางเดียวกับ Ducati และ BMW ที่มีโมเดลพิเศษอย่างเจ้า Ducati Panigale V4R ที่ผลิตในจำนวนจำกัด และ BMW M1000RR ที่ผลิตในรูปแบบโมเดลประสิทธิภาพ ซึ่งแต่ล่ะโมเดลจะมีการอัพเดทโมเดลใหม่ในทุก 2-3 ปี อาจจะแตกต่างกับเจ้าสนามอย่าง Kawasaki ZX-10RR ที่จะมีการอัพเดทใหม่ๆในทุกๆ ปี ซึ่งล่าสุดเองก็อัพเดทแบบเกือบจะใหม่ทั้งคัน โดยเฉพาะรูปแบบของแฟร์ริ่งที่สดใส และผลงานในสนามก็อย่างที่เราเห็นกัน มันน่าเหลือเชื่อมากๆ
อย่างไรก็ดี Honda อาจจะได้รถแข่งคันใหม่ในการแข่งขัน WorldSBK ในฤดูกาลหน้า แต่ที่ใหม่แน่นอนก็คือสองนักแข่งคนใหม่ เพราะล่าสุด Alvaro Bautista เองก็ย้อนกลับไปอยู่กับ Ducati หลังจากที่ Scott Redding สร้างเซอร์ไพร์สไปร่วมขายคา BMW ในฤดูกาลหน้า ส่วนมือรองอย่าง Leon Haslam เองก็มีแววว่าจะกลับไปใช้ช่วงเวลาก่อนเกษียนบนเวที BSB (British Superbike) รถแข่งจะได้คันใหม่หรือไม่ ไม่ทราบได้ แต่ที่เรารู้คือนักแข่งน่ะ ใหม่แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.cycleworld.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.