อัพเดทใหม่ Suzuki GSX-R600 2025 ซุปเปอร์สปอร์ตคลาสกลาง
ยังคงเป็นหนึ่งในโมเดลที่ขายอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนานสำหรับ Suzuki GSX-R600 ที่ล่าสุดแม้ว่าจะถูกแบนในหลายๆ ประเทศ ด้วยเหตุผลทางระเบียบไอเสีย แต่ในอเมริกาเหนือ โมเดลนี้ยังคงเหลือรอดและสามารถวางจำหน่ายได้อย่างถูกต้องต่อไป
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น Suzuki GSX-R600 โมเดลนี้เป็นโมเดลที่ลากยางขายมาตั้งแต่ปี 2015 ที่มีการปรับปรุงใหม่ในเรื่องของขุมกำลัง โดยเป็นการแก้ไขชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์ ที่ส่งผลให้รอบเครื่องยนต์ในการสร้างกำลังสูงสุด และแรงบิดสูงสุดลดลงมาเล็กน้อย แต่ในช่วงเวลานั้น GSX-R600 ถือว่าเป็นโมเดลซุปเปอร์สปอร์ตที่สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นหนึ่ง จาก 4 จตุรเทพญี่ปุ่นก็ว่าได้ และการอัปเดทล่าสุดเมื่อปี 2015 นั้นก็ลากยาวขายมาจนถึงโมเดลล่าสุดของปี 2025 อีกด้วย
Suzuki GSX-R600 2025 มาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ 599 ซีซี 4 ลูกสูบเรียง แบบ DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า (hp) 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 67.7 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบต่อนาที โดยที่ตัวรถจะมาพร้อมกับน้ำหนักตัวแบบแห้งที่ 187 กิโลกรัม ถังน้ำมันความจุ 17 ลิตร ในขณะที่ฟีเจอร์บนตัวรถนั้นก็ถือว่าค่อนข้างจัดเต็ม โดยมีโหมดการขับขี่ S-DMS 2 โหมด โดยแต่ล่ะโหมดจะมีการพัฒนาจากแผนกมอเตอร์สปอร์ตของบริษัท เพื่อให้เหมาะกับสภาพถนนหรือสนามแข่งและรสนิยมส่วนบุคคล ในขณะที่ท่อไอเสียจะมีการติดตั้งวาล์ว Suzuki Exhaust Tuning (SET) ที่เพิ่มแรงบิดสูงสุดและปรับปรุงการตอบสนองของคันเร่ง โดยเฉพาะในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำถึงกลาง
ตัวรถจะมาพร้อมกับโครงสร้างแบบ twin-spar ที่ผลิตจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาและกะทัดรัดสร้างขึ้นจากส่วนหล่อห้าส่วนเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างน้ำหนักและความแข็งแกร่ง จับคู่กับสวิงอาร์มอลูมิเนียมหล่อและซับเฟรมด้านหลังแบบหลายชิ้นที่พร้อมสำหรับใช้ในสนามแข่ง ระบบกันสะเทือนหน้าจะมาจาก Showa ซึ่งใช้เทคโนโลยี BPF ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมและสมรรถนะที่สม่ำเสมอ ในขณะที่ด้านหลังจะเป็นโช้คเดียวจาก Showa ที่สามารถปรับตั้งค่าการคืนตัวและยุบตัวได้
แดมเปอร์บังคับเลี้ยวที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้การบังคับเลี้ยวเบาขึ้น โดยเฉพาะในการหักเลี้ยวในย่านความเร็วต่ำที่มักจะเป็นปัญหากับรถสปอร์ตฟูลแฟร์ริ่ง และยังช่วยสร้างแรงหน่วงที่มากขึ้นที่ความเร็วสนามแข่งและในจังหวะที่ต้องใช้ความเร็วสูง ระบบเบรกนั้น ด้านหน้าจะมาพร้อมกับจานดิสก์แบบลอยตัวขนาด 310 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์เบรกจาก Brembo
ในส่วนของการจำหน่ายในครึ่งหลังของปี 2024 ไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2025 นั้น จะมีการอัปเดทสีสันของตัวถังใหม่ โดยมีสี Solid Iron Gray / Glass Sparkle Black เป็นสีใหม่สำหรับการจำหน่าย โดยจะวางจำหน่ายควบคู่ไปกับสีเดิมจากรุ่นปี 2023-2024 อย่างสี Brilliant White / Metallic Triton Blue และสี Pearl Brilliant White / Metallic Matte Stellar Blue และวางจำหน่ายในราคาเท่ากันที่ 11,999 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 441,000 บาทโดยประมาณ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก young-machine.com
.
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.