Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 1150x250
Banner Yamaha Grand Filano Hybrid Connected 2024 400x300

Triumph เปิดตัว Street Twin และ Street Scrambler 2019

c4d4e4421096bffaf9fce9e0b6f12af78_4620693218539418013_181128_0029

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดไฮไลท์รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ส่งท้ายปีเอาใจสาวกโมเดิร์นคลาสสิกต่อเนื่องด้วยสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลบอนเนวิลล์ ได้แก่ “สตรีท ทวิน” (New Street Twin 2019) และ “สตรีท สแครมเบลอร์” (New Street Scrambler 2019) โฉมใหม่ปี 2019 ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ อุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำ และรายละเอียดการตกแต่งตัวรถที่มีสไตล์สวยงามเฉพาะตัวพร้อมแล้วที่จะให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสอย่างใกล้ชิดรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของครั้งแรกก่อนใครในเอเชียแปซิฟิกภายในงาน“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35” หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ณ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานีระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 10 ธันวาคม 2561

นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัดเปิดเผยว่า สำหรับงาน“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35″ หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ในครั้งนี้ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ได้จัดเซอร์ไพรส์ใหญ่เอาใจสาวกโมเดิร์นคลาสสิกต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลบอนเนวิลล์ ได้แก่ “สตรีท ทวิน” (New Street Twin2019)และ“สตรีท สแครมเบลอร์” (New Street Scrambler 2019)โฉมใหม่ล่าสุดปี 2019 ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ อุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำ และรายละเอียดการตกแต่งตัวรถที่มีสไตล์สวยงามเฉพาะตัวมาให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก

38TDL9.jpg

นายจักรพงษ์กล่าวต่อว่า เริ่มต้นที่ไฮไลท์แรกสำหรับรถ “สตรีท ทวิน” โฉมใหม่ (The New Street Twin 2019)รถมอเตอร์ไซค์ที่สืบทอดความเป็นต้นแบบแท้จริงโดยเป็นรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกที่จะพาไปสู่ความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่ที่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยพละกำลังและประสิทธิภาพของรถที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นเห็นได้ชัด มาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง ขนาด 900ซีซี ที่ผ่านการปรับปรุงพัฒนา ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10แรงม้า โดยให้พละกำลังสูงสุดถึง 65 แรงม้า ที่7,500 รอบต่อนาที พร้อมมอบแรงบิดสูงสุดระดับมหาศาลถึง 80นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเก็บเสียงท่อคู่(Twin Upswept)ที่มอบเสียงของเครื่องยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง เข้ากับภาพลักษณ์ของการขับขี่ สตรีท ทวิน ที่สามารถได้ยินและสัมผัสได้เป็นอย่างดีส่วนด้านคุณลักษณะเฉพาะตัวยังพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและการควบคุมการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเบรกหน้าใหม่จากBremboแบบ 4 สูบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกให้ดียิ่งขึ้น โช้คหน้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบายมากกว่าเดิม รวมถึงปรับเปลี่ยนท่วงท่าของผู้ขับขี่ให้ขับขี่สบายขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ รวมทั้งเพิ่มความสบายของเบาะนั่งทั้งผู้ขับขี่และคนซ้อน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขี่ที่สุดแสนเร้าใจ และเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ที่มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย

38ToDD.jpg

นอกจากนี้ด้านเทคโนโลยีชั้นนำอันดับหนึ่งจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรก ABSอันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อสร้างความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) ตอบสนองการขับขี่ที่แม่นยำมากขึ้น ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้ (Traction Control) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คลัตช์แบบผ่อนแรง (Torque Assist Clutch) เพิ่มระยะทางการขับขี่และเพื่อให้ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ช่วยทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้นานขึ้น พร้อมโหมดการขับขี่ 2 โหมด ได้แก่ ถนน (Road) และฝนตก (Rain)สำหรับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะ ไฟท้าย LED ใหม่ที่ติดตั้งลงในชุดไฟท้ายแบบเปลือยที่ดูดีมีสไตล์ ช่วยให้ไฟท้ายมีรูปแบบที่เฉพาะตัวและประหยัดพลังงาน กุญแจพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด และช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะที่นั่ง ตลอดจนอุปกรณ์ตกแต่งเสริมใหม่ เช่น ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS – Tyre Pressure Monitoring System)เพื่อประสบการณ์และความมั่นใจในการขับขี่จริงที่ดีกว่าเดิม เป็นต้น ในขณะที่ด้านรูปลักษณ์มาพร้อมสไตล์เฉพาะตัวร่วมสมัยที่มากกว่าเดิม อาทิ ล้อซี่หล่อขึ้นรูปอะลูมิเนียมลายใหม่ลงรายละเอียด พร้อมการตกแต่งคุณภาพสูงที่ช่วยเพิ่มมิติใหม่ ๆ ให้แก่รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงโลโก้ของ สตรีท ทวิน แบบใหม่บนแผงด้านข้าง ช่วยเสริมมุมมองที่ดูร่วมสมัยมากขึ้น รวมถึงการอัพเกรดการตกแต่งอุปกรณ์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมมากกว่า140 รายการ ให้สามารถสร้างรถมอเตอร์ไซค์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้ง่ายกว่าที่เคย รวมถึงมีชุดตกแต่งรถสร้างแรงบันดาลใจ 2ชุด สำหรับใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากจะออกแบบ สตรีท ทวิน ในรูปแบบของตัวเอง หรืออยากจะตกแต่งแบบเต็มรูปแบบ ได้แก่ชุดUrban Rideสไตล์ Stripped back และชุด Café Customสไตล์เมืองแบบร่วมสมัยอีกด้วย

ทั้งนี้สตรีท ทวิน” โฉมใหม่ (The New Street Twin 2019)มาพร้อม 3 สีให้เลือกได้แก่ Matt Ironstone,Korosi Redและ Jet Black

ส่วนอีกหนึ่งรุ่นไฮไลท์ของงาน คือ “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ (The New Street Scrambler 2019)รถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมอิสระและความสนุกสนานไร้ขีดจำกัด ซึ่งได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นทั้งด้านพละกำลัง และประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นอย่างโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด จนก้าวขึ้นเป็นรถระดับชั้นนำอย่างแท้จริง โดยมาพร้อมเครื่องยนต์บอนเนวิลล์แรงบิดสูง900 ซีซี ส่งต่อกำลังสูงสุดที่มากกว่าเดิมถึง 10แรงม้า สูงสุด 65แรงม้า ที่7,500รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 80นิวตันเมตร ที่ 3,200รอบต่อนาที รวมถึงการปรับปรุงฝาครอบลูกเบี้ยวใหม่ทำจากแมกนีเซียม เพลาข้อเหวี่ยงน้ำหนักเบา เพลาตาย และเพลาถ่วงดุล ฝาครอบคลัตช์ใหม่ และคลัตช์ใหม่น้ำหนักเบา ตลอดจนระบบท่อไอเสียคุณภาพสูง ที่ช่วยส่งมอบเสียงของเครื่องยนต์สแครมเบลอร์อย่างแท้จริง เข้ากับภาพลักษณ์ของการขับขี่ที่เคยได้ยินและสัมผัส ผสานความคล่องแคล่วว่องไว ส่งมอบความตื่นเต้นเร้าใจได้เป็นอย่างดี

38T2Xf.jpg

ด้านคุณลักษณะ“สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ มาพร้อมคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น โดยได้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งต่อการควบคุมที่แม่นยำพร้อมมอบความรู้สึกปราดเปรียว ด้วยโครงสร้างรถและระบบกันการสั่นสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาผสมผสานกับไดนามิกการขับขี่และสไตล์ อาทิ เบรกหน้า Brembo 4สูบใหม่พร้อมคาลิปเปอร์ โช้คหน้าใหม่ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงรถแบบใหม่ที่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของสแครมเบลอร์ ที่มีแฮนด์บังคับกว้างกว่าเดิม ที่พักเท้าโน้มไปด้านหน้าและล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ที่มาพร้อมยางรถที่สามารถให้การยึดเกาะเป็นอย่างดีบนพื้นถนนทางเรียบและบนพื้นผิวแบบLight off-roadตลอดจนตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำลงทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ขับขี่ที่มีส่วนสูงทุกระดับ

ส่วนด้านเทคโนโลยีใหม่ชั้นนำอันดับหนึ่งอัดแน่น ประกอบด้วย โหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ ถนน (Road) ฝนตก (Rain)และออฟโรด (Off-Road)ใหม่ โดยโหมด Road และ Rain จะช่วยปรับแผนที่และการตั้งค่าการควบคุมการยึดเกาะถนน ส่วนโหมด Off-Roadใหม่นี้จะเป็นการปิดระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control) โดยสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเปิดการใช้งานทั้ง 2 โหมดได้อีกในขณะขับขี่ โดยกดปุ่มโหมดค้างไว้ 1 วินาที ส่วนระบบเบรก ABS ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความปลอดภัย และการควบคุมรถให้กับผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น เป็นลักษณะเด่นของ สตรีท สแครมเบลอร์ โฉมใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถตามเป้าหมายการใช้งานทั้ง2 แบบที่แท้จริง ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-wire) ตอบสนองการขับขี่ที่แม่นยำมากขึ้น ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนน (Traction Control) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการควบคุมรถของผู้ขับขี่ คลัตช์แบบผ่อนแรง (Torque Assist Clutch) เพิ่มระยะทางการขับขี่และเพื่อให้ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่อันจะช่วยทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้นานขึ้น ไฟท้าย LEDส่องสว่างโดดเด่น กุญแจพร้อมระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser) ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด และช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ทUSB ใต้เบาะที่นั่ง เป็นต้น ในขณะที่ด้านรูปลักษณ์ใช้งานได้มากขึ้นและสวยงามมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น โลโก้แบบร่วมสมัยใหม่ การตกแต่งสไตล์พรีเมี่ยมใหม่ ชุดเบาะนั่งแบบแอดเวนเจอร์ใหม่ และโช้คคู่หน้าที่กว้างขึ้นเพื่อการขับขี่สไตล์สแครมเบลอร์ที่มากกว่าเดิมและการทรงตัวที่ดีขึ้น รวมถึงโดดเด่นด้วยสไตล์ stripped back

ทั้งนี้“สตรีท สแครมเบลอร์”โฉมใหม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างโอกาสที่สมบูรณ์แบบให้แก่นักบิดทุกคนได้ปรับแต่งรถในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยอุปกรณ์เสริมให้เลือกสรรกว่า 120รายการ จึงทำให้สามารถวิ่งบนเส้นทางออฟโรดได้ รวมทั้งมีสไตล์ของตัวเองเหมาะกับการใช้งานในทุกวันตลอดจนการรังสรรค์ชุดแต่งรถสร้างแรงบันดาลใจสุดเร้าใจขึ้นมา เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้ขับขี่ที่อยากจะออกแบบ สตรีท สแครมเบลอร์ ในรูปแบบของตัวเอง หรืออยากจะตกแต่งแบบเต็มรูปแบบ ได้แก่ ชุด Urban Tracker สไตล์Stripped-back ตกแต่งด้วยตัวเองสุดคูล

โดย“สตรีท สแครมเบลอร์”โฉมใหม่มีให้เลือก 3 สี ได้แก่สี Fusion white, Cranberry Red และKhaki Green / Matt Aluminum พร้อมเส้นขอบซึ่งวาดด้วยมือ สีJet black

38Tlwy.jpg

ขณะที่ภายในงานยังเผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกสายลุยตัวจริงที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดอย่าง“สแครมเบลอร์ 1200เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) และ“สแครมเบลอร์ 1200เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE)รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยที่มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนาด1,200ซีซี และเกณฑ์มาตรฐานใหม่ทั้งหมด นำเสนอความสามารถแบบ Dual Purpose และสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์น พร้อมด้วยคุณลักษณะเฉพาะและเทคโนโลยีชั้นนำรวมถึงรูปลักษณ์ซึ่งหลอมรวมเข้ากับDNAของสแครมเบลอร์ของไทรอัมพ์ที่โดดเด่น ตลอดจนความสามารถของรถสไตล์แอดเวนเจอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างแท้จริง ที่สำคัญเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบควบคุมกล้อง GoPro และระบบนำทางแบบ Turn-by–turnถือเป็นครั้งแรกของรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นคลาสสิกยุคใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น

โดย“สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200XC) มาพร้อมกับ 2 สีได้แก่ สี Jet Black / Matt Black และสี Khaki Green / Brooklands Green สนนราคาจำหน่ายประมาณการ 613,000 บาท ส่วน“สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200XE) มีให้เลือก 2 สีสุดพรีเมี่ยมเช่นกัน ได้แก่ Fusion White / Brooklands Green และสี Cobalt Blue / Jet Blackสนนราคาจำหน่ายประมาณการ 656,000 บาท

38TsEb.jpg

อย่างไรก็ตาม นอกจากกรถมอเตอร์ไซค์ไฮไลท์ข้างต้นแล้ว บูธไทรอัมพ์ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ยังขนทัพรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ครบทุกเซกเมนต์ทุกรุ่นมาโชว์และให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์รุ่น สปีดมาสเตอร์ (Speedmaster) ที่ถูกคัสตอมด้วยชุดแต่ง‘Maverick’ แบบจัดเต็มครบชุดมาโชว์เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ยังมีโซนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ขนมาให้เลือกชมและซื้อกันอย่างจุใจ พร้อมส่วนลดพิเศษสูงสุด 30% ตลอดจนโปรโมชั่นอีกมากมายพิเศษสุด ๆ สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกรุ่นทุกคันภายในงานเท่านั้นจะได้รับ“Triumph Exclusive Surprise”ลุ้นรับของขวัญเซอร์ไพรส์สุดพิเศษจากไทรอัมพ์อีกด้วย นายจักรพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บูธไทรอัมพ์ G07 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 10 ธันวาคม 2561 สอบถามข้อมูลติดต่อ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand