มารู้จักกับเทคโนโลยีล้ำๆ อย่าง VVA และเครื่องยนต์แบบ BLUE CORE ใน All New Yamaha AEROX 155 กันดีกว่า
หลังจากที่ทาง Thai Yamaha Motor เปิดตัวรถสปอร์ตออโตเมติกคันเก่งอย่าง All New Yamaha AEROX 155 กันไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ก็กลายเป็นกระแสทอล์คออฟเดอะทาน์เลยทีเดียว เพราะว่าการออกแบบและออพชั่นต่างๆ นั้นถือว่าให้มาโดนใจกันเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะยังอุบในเรื่องของราคากันไว้อยู่ แต่ทางเราอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกันกับ 2 ระบบสำคัญที่ถือว่าเป็นฟีเจอร์คีย์หลักๆ ของเจ้า AEROX คันนี้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือระบบวาล์วแปรผันอย่าง VVA และเครื่องยนต์แบบ BLUE CORE
หมดปัญหาต้นจัดแต่ปลายแผ่ว หรือปลายไหลแต่ต้นหาย ด้วยเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน VVA
เชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในปัญหาที่ค้างคาใจเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายอยู่ไม่น้อย เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่มีแรงบิด (ทอร์ค) ต้นที่จัดจ้านมากๆ แต่เมื่อไต่ไปถึงความเร็วปลายกลับแผ่วเอาดื้อๆ หรือว่ารถบางรุ่นที่ความเร็วปลายนั้นไหลลื่น แต่กว่าจะไต่ไปถึงจุดนั้นก็เหนื่อยใจกันเหลือเกิน เพราะทอร์คนั้นน้อยมากๆ ต้องคอยเลี้ยงรอบให้มากังวลกันอีก แถมหากอยากได้แรงบิดที่สั่งได้ ก็ต้องใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงอยู่ตลอด ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
ดังนั้นแล้วจึงเป็นที่มาของเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน VVA (Variable Valve Actuation) ซึ่งเป็นนวัตกรรมครั้งแรกในรถจักรยานยนต์บ้านเราที่นำระบบวาล์วแปรผันที่ใช้ในรถยนต์มาใช้ในรถจักรยานยนต์ เพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้ ด้วยหลักการทำงานที่เน้นให้เครื่องยนต์นั้นมีกำลังเพิ่มขึ้นและช่วยเพิ่มแรงบิดในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงไปในตัวด้วย และในทางเดียวกันค่ามลพิษหากวัดจากเครื่องยนต์ของระบบนี้ก็ถือว่าน้อยมากๆ
ซึ่งส่วนประกอบหลักๆ ของระบบ วาล์วแปรผัน VVA นั้นจะมีสองอย่างคือกระเดื่องวาล์วต่ำและกระเดื่องวาล์วสูง ที่ต่างทำหน้าที่ควบคุมวาล์วไอดีซึ่งกระเดื่องวาล์วสูงจะเปิดวาล์วไอดีกว้างกว่ากระเดื่องวาล์วต่ำ เพื่อช่วยรักษากำลังของเครื่องยนต์ไว้ที่ความเร็วรอบเครื่องสูงกว่า 6,000 รอบต่อนาที นั่นก็หมายความว่าระบบ VVA นั้นจะทำงานแบบอัตโนมัติทันทีเมื่อรอบเครื่องยนต์นั้นสูงกว่า 6,000 รอบ (ซึ่งหากรอบต่ำกว่านั้นระบบก็จะยังไม่ทำงาน) โดยที่ตัวโซลินอยด์ ซึ่งเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าจะรับกระแสไฟฟ้าตามคำสั่งของ ECU เพื่อดันสลักซิงโครไนซ์ และทำให้การเคลื่อนตัวขึ้นและลงของกระเดื่องวาล์วต่ำ ปรับเป็นจังหวะเดียวกันกับกระเดื่องวาล์วสูงในที่สุด จนส่งผลให้เกิดการเปิดและปิดวาล์วไอดีกว้างขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของอัตราเร่งย่านนี้นั้นยังคงจัดจ้านอยู่นั่นเอง
หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ให้ลองนึกถึงจังหวะการหายใจของตัวเราเองดู หากว่าเรากำลังเดินช้าๆ แต่ดันหายใจถี่และแรง มันก็ไม่เหมาะทำให้เหนื่อยเกินความจำเป็น ในทางกลับกันหากกำลังวิ่งเร็วๆ อยู่แต่กลับหายใจอย่างช้าๆ ค่อยๆ ก็จะกลายเป็นหายใจไม่ทันและไม่มีแรงจะวิ่งกันต่อไปในที่สุด สรุปก็คือเราจะต้องแปรผันจังหวะการหายใจของเราให้เหมาะสม กับเครื่องยนต์ก็เช่นเดียวกัน ระบบ VVA จึงถือกำเนิดมาเพื่อช่วยในการแปรผันการเปิดวาล์วให้เหมาะสมที่สุดกับความเร็วของรอบในแต่ละช่วงการทำงานนั่นเอง ดังนั้นแล้วกับรถ All New Yamaha AEROX 155 ก็มั่นใจได้ว่าเครื่องยนต์ของตัวรถนั้นจะให้กำลังที่ดีที่สุดในทุกย่านความเร็ว จากตรงนี้เองจึงส่งผลให้ขี่สนุก บิดติดมือแบบไม่ต้องกังวลในเรื่องรอบ และยังช่วยให้การใช้พลังงานเชื้อเพลิง (น้ำมัน) นั้นเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุดอีกด้วย
และมาเจาะลึกถึงเทคโนโลยีของทาง Yamaha อย่าง “BLUE CORE” กัน
เริ่มแรกเลยเราลองมารู้จักก่อนว่าเจ้า BLUE CORE มันคืออะไรกันแน่ สำหรับ BLUE CORE นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจากทางทีมวิศวกรของยามาฮ่า โดยจุดประสงค์หลักในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ก็คือต้องการให้ตัวเครื่องยนต์นั้นทำงานได้ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การใช้งานน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นถูกเผาผลานไปตามจำเป็นจริงๆ มากที่สุด ลดการสูญเสียเชื้อเพลิงโดยเปล่าประโยชน์ที่ส่วนมากเครื่องยนต์ทั่วไปจะสูญเสียจากการเผาไหม้ที่เปล่าประโยชน์อย่างเช่น การระบายความร้อน และพวกแรงเสียดทานต่างๆ
หน้าตาของเครื่องยนต์แบบ BLUE CORE
ซึ่งตัวเทคโนโลยี BLUE CORE นี้จะออกแบบขนาดของช่องไอดีให้เป็นแบบคอคอด เพื่อช่วยให้อัตราส่วนผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศนั้นคลุกเคล้ากันเป็นหนึ่งเดียว และหลังจากนั้นจะถูกรีดเพื่อส่งเข้าไปยังห้องเผาไหม้ในทันทีทันใด ในอัตราส่วนกำลังอัดที่มากถึง 11:1 จากแนวคิดนี้จึงทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงๆ กับเครื่องยนต์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุกๆ ย่านความเร็วนั่นเอง
ซึ่งจากหลักการข้างต้นนั้นที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่รวดเร็วและรุนแรง จึงส่งผลให้แรงบิดหรือว่าทอร์คของรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ BLUE CORE นั้นมีกำลังที่ดีเยี่ยมในช่วงความเร็วต้นอีกด้วย เพราะว่าการจ่ายน้ำมันในลักษณะนี้จะผลิตแรงม้าและแรงบิดได้สูงมากๆ ในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ ทำให้รถออกตัวได้ดีและประหยัดน้ำมันด้วย เพราะว่าจังหวะที่กินน้ำมันมากที่สุดจังหวะหนึ่งของการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ก็คือจังหวะออกตัวนั่นเอง แต่ BLUE CORE นั้นตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้เครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีแบบ BLUE CORE นี้ยังมีการระบายความร้อนที่ดีกว่าปกติ เพราะว่ามีการเพิ่มจำนวนครีบระบายความร้อนให้มีจำนวนมากขึ้นที่ฝาสูบและเสื้อสูบ และยังมีการคำนวนจำนวนของใบพัด, องศา เพื่อให้ทิศทางลมจากภายนอกนั้นรีดไหลผ่านเข้าไประบายความร้อนในบริเวณเครื่องยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงระบบระบายความร้อนใต้ลูกสูบ โดยหัวฉีดน้ำมันเครื่องนั้นจะทำการฉีดตรงไปยังลูกสูบ ตรงนี้เองจะช่วยให้การระบายความร้อนบริเวณลูกสูบเป็นไปได้อย่างดี เป็นผลพวงที่ได้มาจากการออกแบบเทคโนโลยี BLUE CORE นี้นั่นเอง
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของเครื่องยนต์แบบ BLUE CORE นั้นจะช่วยลดการสูญเสียทางกลได้อย่างดี เพราะว่ามันถูกออกแบบให้มีจุดเยื้องศูนย์ระหว่างเสื้อสูบและเพลาข้อเหวี่ยงนั้นลงตัวมากที่สุด ทำให้สามารถลดแรงเสียดทานระหว่างลูกสูบกับผนังของกระบอกสูบ ตรงนี้เองเราจะสามารถรีดแรงม้าออกมาได้อย่างประสิทธิภาพมากที่สุดและส่งผลให้การใช้น้ำมันนั้นประหยัดมากขึ้นกว่าเดิม โดยผลการทดสอบนั้นพบว่ามันสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในบางรุ่นได้มากที่สุดถึง 60 กม. / ลิตร อีกทั้งไม่ได้หมายความว่ามันประหยัดแล้วจะทำให้อัตราเร่งของรถนั้นด้อยลงกว่าเดิม กลับตรงข้าม ตัวรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เทคโนโลยี BLUE CORE นี้กลับมีอัตราเร่งที่ดีมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำด้วยเหตุและผลที่กล่าวไปข้างต้น ดูแล้วถือว่าเจ้า BLUE CORE ที่ใส่มาใน All New Yamaha AEROX 155 ตัวนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานของไบค์เกอร์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience