Yamaha Finn น้ำมันถังเดียว เที่ยวพะเยาได้เกือบ 300 กิโล!
เป็นอีกครั้งนึงที่ผมได้มีโอกาสไปร่วมขับขี่รถยามาฮ่าฟินน์ ท่องเที่ยวร่วมกับพี่ๆสื่อมวลชนและลูกค้า ซึ่งในครั้งนี้เองเราได้เดินทางมาที่จังหวัดพะเยา เมืองชายกว๊าน ที่เงียบสงบ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม กับบรรยากาศกว๊านพะเยา บึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงคนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน
จุดเริ่มต้นของทริปนี้เองเราเริ่มต้นจาก ร้านยามาฮ่าสินธานี เมืองพะเยา เพื่อรับรถยามาฮ่าฟินน์ไปขับขี่พร้อมกับน้องๆที่เป็นลูกค้า ทั้ง 3 คน เพื่อความเป็นศิริมงคล เราก็เดินทางไปสักการะ อนุสาวรีย์พญางำเมือง กษัตริย์นักปกครองที่เป็นพระสหายของ พ่อขุนรามคำแหง และพญามังราย โดยได้ร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งอนุสาวรีย์พญางำเมืองตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะริมกว๊านพะเยา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามอีกที่นึงที่ไม่ควรพลาด
หลังจากเติมน้ำมันกันเต็มถัง เราทั้ง 8 คันก็เดินทางมุ่งหน้าไปศูนย์วัฒนธรรมไทลื้อ ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.เชียงคำ ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร ศูนย์วัฒนธรรมไทลื้อ เป็นที่รวบรวม เรื่องรวมต่างๆ ทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม การแต่งกาย ภาษา อาหาร ตลอดจนการดำรงค์ชีวิต ของชาวไทลื้อตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไทลื้อ หรือไตลื้อ ชาติพันธ์ุหนึ่งของคนพะเยา โดยได้อพยพมาจากอณาจักรสิบสองปันนาทางตอนใต้ของจีน ศูนย์แห่งนี้เป็นศูนย์แสดงผลงานทางศิลปวัฒนธรรม และฝึกอาชีพของชาวไทยลื้อ โดยเฉพาะผ้าของชาวไทยลื้อที่มีลวดลายและสีสันสดใส เช่น ลายดอกขอเครือ ลายดอกขอ ลายม้า ลายดอกตั้ง เป็นต้น
ถัดจากนี้อีกไม่ไกลเราได้เดินทางไปยังวัดนันตาราม วัดนันตาราม สร้างขึ้นโดยชาวไทใหญ่ แต่เดิมเรียก วัดจองคา เพราะมุงด้วยหญ้าคา มีฐานะเป็นพระอารามหรือสำนักสงฆ์สำหรับปฏิบัติศาสนกิจ ชาวบ้านส่วนใหญ่มักเรียกว่า วัดจองเหนือ เพราะตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของอำเภอเชียงคำ และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดนันตาราม ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณงามความดีของผู้สร้าง
วิหารเป็นศิลปะแบบไทใหญ่ สร้างจากไม้สักทั้งหลัง หลังคาหน้าจั่วยกเป็นช่อชั้น ลดหลั่นกันสวยงามมุงด้วยแป้นเกร็ด เพดานประดับประดาด้วยกระจกสีลวดลายวิจิตรสวยงามไม้ซ้ำกัน เสาทั้ง 68 ต้น ลงรักปิดทอง ภายในวิหารยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่หาดูได้ยากในปัจจุบันเช่น ธนบัตรเก่า ผ้าลายโบราณ หนังสือพิมพ์ แผ่นเสียงและเครื่องใช้โบราณต่างๆ
การเดินทางจากตัวเมืองพะเยามาถึงเชียงคำนั้นเป็นเส้นทางที่ขับขี่ง่าย ส่วนใหญ่จะเป็นทางพื้นราบ ความเร็วที่เราใช้ในครั้งนี้ยืนพื้นที่ 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันค่อนข้างน้อย
เราได้เดินทางต่อไปยังโครงการหลวงปังค่าซึ่งจุดนี้เองได้ขับขี่ขึ้นเขาทางชันกันแบบเต็มๆ มีทางโค้งและชันอยู่หลายจุด ยามาฮ่าฟินน์ก็ขับขี่ได้แบบไม่มีปัญหา โดยส่วนตัวเองต้องบอกว่าขึ้นเขาเป็นรถที่ขี่สนุกมากๆ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปยังร้านกาแฟ Magic Mountain ตั้งอยู่บนดอยภูลังกา อ.ปง ห่างจากเชียงคำไปประมาณ 55 กิโลเมตร เส้นทางการขับขี่ขึ้นดอยลังกาเป็นถนน 4 เลนส์ ทางกว้าง รถน้อย สามารถวิ่งไป อ.ท่าวังผา จ.น่านได้ เป็นเส้นทางที่เหล่าไบเกอร์ทั้งหลายใช้ขับขี่ท่องเที่ยวกัน ด้วยวิวภูเขาที่มีต้นไม้หนาแน่น ประกอบกับการเดินทางที่ไม่ยากนักจึงเป็นที่นิยมมากในเส้นนี้
ในอดีตชนเผ่าม้งและชนเผ่าเย้า อาศัยกันอยู่ที่สวนยาหลวง มีอาชีพปลูกฝิ่น พ่อค้าชาวแพร่ชาวน่านจะนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกันที่สวนยาหลวง ซึ่งอยู่ถัดจากดอยภูลังกาไม่ไกล ม้งและเย้าก็จะนำฝิ่นไปแลกข้าวของเครื่องใช้กันที่สวนยาหลวงแห่งนี้นั่นเอง
หลังจากที่เหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น กลุ่มของทางม้งเองก็เลือกเข้ากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ ส่วนทางเย้าเองเลือกที่จะไม่เข้าร่วม จึงถอยตัวเองออกจากสวนยาหลวงมาอาศัยบนภูลังกาแห่งนี้ ปัจจุบันดอยภูลังกาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะมาชมทะเลหมอกในตอนเช้า ช่วงที่ได้รับความนิยมจะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว จะมีหมอกที่สวยงามให้ได้เห็นกัน เราได้พักแรมกันที่นี่1คืน ซึ่งช่วงที่เรามาโชคดีอากาสเปิดฝนไม่ตก ทำให้เห็นดาวบนฟ้าได้อย่างชัดเจน
การเดินทางในวันแรกเราเดินทางไปทั้งหมด 130 กิโลเมตร เป็นทางราบ 75% ทางเขา 25% ใช้น้ำมันไปไม่ถึงครึ่งถัง
วันที่สองของการเดินทางหลังจากที่ทานข้าวและได้ฟังเรื่องราวความเป็นมาของดอยภูลังกา และประวัติพาสปอร์ตที่ยาวที่สุดในโลกของเจ้าของโรงแรม เราก็เดินทางกลับ โดยเราได้แวะชมและสักการะ พระนั่งดิน เป็นวัดที่องค์พระประธานของวัดไม่มี ฐานรองรับเหมือนกับพระประธานองค์อื่นๆ เคยมีราษฎรสร้างฐานรองรับเพื่ออัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐานบนฐานรองรับ แต่ปรากฏว่าพยายามยกเท่าไรก็ยกไม่ขึ้น จึงเรียกสืบต่อกันมาว่า พระนั่งดิน นอกจากนี้ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานสืบกันมาว่า เคยมีชาวบ้าน ได้พากันสร้างฐานชุกชีแล้วได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ แต่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าได้ผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครา พุทธบริษัททั้งหลายจึงอาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิมตราบจนทุกวันนี้
หลังจากนั้นเราเดินทางเข้าในเมืองปิดทริปกันที่ ร้านชายกว๊านกาแฟ ร้านกาแฟที่เป็นบ้านโบราณตกทอดจากรู่นพ่อสู่รุ่นลูก ได้กลิ่นไอ ของพะเยาในอดีตพอสมควร
การเดินทางทั้ง 2 วันเราเดินทางกันทั้งหมด 255.3 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไป 3.49 ลิตร เท่ากับ 97.6 บาท อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 73.15 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าเป็นรถที่ประยัดน้ำมันเป็นอย่างมาก
ได้มีโอกาสคุยกับน้องต้อม น้องโต้ง น้องเจ ที่มาร่วมทริปนี้ นอกจากน้องๆจะเป็นลูกค้าของยามาฮ่าแล้ว น้องยังมีอาชีพเป็นช่างกันทั้ง3คนอีกด้วย ส่วนใหญ่น้องจะขี่รถออโตเมติกในชีวิตประจำวัน ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาขี่ยามาฮ่าฟินน์ หลังจากที่ได้ลองขี่ทางไกลร่วมทริปมายามาฮ่าฟินน์เป็นรถที่ขี่ได้คล่อง มีน้ำหนักเบา เกียร์นิ่มเข้าง่าย
น้องต้อมได้พูดถึงเครื่องยนต์ของยามาฮ่าฟินน์ว่าตัวหัวฉีดของฟินน์เองเป็นแบบ 3 รู ควบคุมด้วยระบบจ่ายน้ำมันอิเล็กโทรนิคตัวเดียวกับรถรุ่นใหญ่ใน R1 ซึ่งทำให้ประหยัดน้ำมัน และด้วยช่วงชักของลูกสูบที่สั้น ทำให้เวลารถออกตัวไม่พุ่งและรอบที่กว้างขึ้น แต่ก็จะเกิดทำให้มีความร้อนสะสมในห้องเครื่องเร็ว ช่วงล่างหนึบดี ด้วยความยาวของตัวรถเมื่อเทียบกับยามาฮ่าสปาร์คแล้วยามาฮ่าฟินน์มีท้ายที่ยาวกว่า ทำให้ศูนย์ถ่วงจะอยู่กลางรถพอดี น้ำหนักของคนขี่จะไม่ลงไปที่ล้อหลังนั่นเอง สังเกตุได้จากเวลาเราวิ่งไต่บนเส้นขาวหรอขอบถนน รถจะไม่มีอาการดิ้นแต่อย่างใด โช็คหลังเป็นแบบหูสั้น ทำให้มีรอบขดของสปริงโช็คที่มากขึ้นช่วยซับแรงกระแทกได้ดี
น้องโต้ง ได้พูดถึงการที่รถยามาฮ่าฟินน์เติมน้ำมัน E85 ซึ่งน้องเองได้ศึกษามาพอสมควร ก็ถือว่าดีมาก ด้วยคุณสมบัติที่ E85 เป็นน้ำมันที่มีค่าออกซิเจนสูง การเผาใหม้จะสมบูรณ์กว่า เบนซิล 91 และ 95 เมื่อการเผาใหม้ดีกว่าห้องเครื่องก็จะร้อนช้ากว่า แต่การที่เผาไหม้ได้ดีกว่าก็ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองที่สูงกว่าน้ำมันตัวอื่นนั่นเอง แต่ในเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็ต้องยกให้ E85
น้องเจ เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้รถครอบครัวท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะไปคนเดียว ครั้งนี้ได้มาขี่กันหลายคันก็รู้สึกสนุก บางที่ในพะเยาก็ยังไม่เคยได้ไป ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เที่ยว น้องได้พูดในเรื่องรูปโฉมของรถว่าเป็นรถดีสวย ขี่ง่าย ยางที่ให้มาเกาะถนนดี
หลังจากจบทริปได้ค่าอัตราสิ้นเปลืองน้องๆ ถึงกับตกใจกับความประหยัดว่าไปไกลขนาดนั้นแต่ใช้น้ำมันไม่ถึง 100 บาท ทริปยามาฮาฟินน์ที่จ.พะเยา เป็นทริปที่วิ่งไกลที่สุด และได้อัตราการสิ้นเปลืองที่น่าจะทับใจ จากการทดสอบวิ่งทางเรียบอย่างเดียวทำสถิติไว้เกือบ 92 กิโลเมตร/ลิตร และครั้งนี้ก็เป็นสถิติใหม่ที่ทางทีมงานทำได้กับระยะทั้งหมด 255.3 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไป 3.49 ลิตร เท่ากับ 97.6 บาท อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 73.15 กิโลเมตร/ลิตร นั่นเอง โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 45,000 บาท
ขอขอบคุณ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และพี่ๆ สื่อมวลชนที่ได้ให้ทีมงาน GreatBiker ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมทริปในครั้งนี้ด้วยครับ
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience