ไม่มากไม่น้อย 200 กว่าโล One Day Trip กรุงเทพ-เขาใหญ่ กับ Yamaha Tracer 9 GT
แอดมินได้มีโอกาสไปร่วม One Day Trip กรุงเทพ-เขาใหญ่ เพื่อทดสอบเจ้า Yamaha Tracer 9 GT พร้อมกับพี่น้องสื่อมวลชน และ influencer บอกเลยว่าฟิลลิ่งการขับขี่ยังค้างอยู่เลย และอยากจะมาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจกับรถ สปอร์ตทัวร์ริ่งคลาสกลางที่แทบจะยัดความเป็นรถสปอร์ตใส่ไปทั้งคันแต่ก็ยังขับขี่ง่ายอยู่
จุดเด่นที่สำคัญของ Yamaha Tracer 9 GT โฉมปี2023 ที่เพิ่มเข้ามาจากโฉมก่อนหน้านี้มีอะไรบ้าง
- เครื่องยนต์ 890 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว 3 สูบ แบบcrossplane แรงม้าสูงสุดที่ 119 ตัว แรงบิด 93 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดถึง240กม./ชม.
- Up and Down QSS (Quick shif system) ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งขึ้นและลงโดยไม่ต้องกำคลัทได้อย่างนุ่มนวล ยิ่งทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
- LED cornering lights ที่จะส่องสว่างอัตโนมัติในความมืดหากรถ เลี้ยวทำมุมเกิน7องศา ที่ความเร็วไม่ต่ำกว่า5กิโลเมตร/ชั่วโมง
- KYB semi-active suspension ระบบกันสะเทือนกึ่งแอคทีฟของ KYB ปรับไฟฟ้าทั้งหน้าและหลัง
- ระบบกันสะเทือนควบคุมโดย IMU 6 แกนและ ECU ที่สั่งงานไฮดรอลิคผ่านอินเทอร์เฟซ
- Grip heater ที่ปรับความร้อนได้ถึง10ระดับ พร้อมกับทำให้บางลงแต่ยังคงความนุ่มนวลและกระชับ
- หน้าจอแยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถคัสตอมได้เองว่าจะเลือกใช้ฟังชั่นไหนแสดงบนหน้าจอ
โหมดการขับขี่มีให้เลือก4โหมด D-Mode 1 Sport Mode เป็นโหมดที่ใช้พละกำลังของเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ การตอบสนองต่อคันเร่งรวดเร็ว เอนจิ้นเบรคค่อนข้างหนัก,D-Mode 2 Standrad Modeเป็นโหมดที่ขับขี่สบายมากที่สุดการตอบสนองต่อคันเร่งยังเร็วแต่กำลังของเครื่องยนต์จะค่อยๆเพิ่มขึ้น เอ็นจิ้นเบรคไม่หนักเหมือนโหมดแรก,D-Mode 3 Touring Modeเป็นโหมดที่น่าจะประหยัดเชื้อเพิงมากที่สุดเพราะการตอบสนองต่อคันเร่งค่อยๆมาเรื่อยๆ,D-Mode 4 Rain Mode เป็นโหมดที่ตัดกำลังของเครื่องยนต์มากที่สุดเพราะไม่ว่าผู้ขับขี่จะเผลอกระแทกคันเร่งแรงแค่ไหนรถก็จะค่อยๆไต่ความเร็ว ซึ่งถือว่าปลอดภัยมากเมื่อเจอทางเปียก ฝนตก ซึ่งโหมดนี้เป็นโหมดที่เพิ่มเข้ามาจากโฉมก่อนหน้านี้
ช่วงล่างปรับการทำงานได้ 2 ระดับ โดยที่ระดับ1 เหมาะกับการใช้ความเร็วสูง ช่วงล่างจะแข็งขึ้นทำให้รถไม่ส่ายไปมา ระดับที่ 2 เหมาะกับความเร็วกลาง ที่จะนุ่มขึ้น ซึ่งตอนแรกผู้ขับขี่เองใช้ระดับ2 ในความเร็วสูงก็รู้สึกได้ว่าหลังค่อนข้างเบา พอได้รับคำแนะนำจากทีมงานให้ลองใช้ระดับที่1 ก็เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น
Traction Control ปรับได้ 2โหมด และโหมด M-Manual ที่ให้ผู้ขับขี่ได้ปรับเอง ซึ่ง โหมดการขับขี่,ช่วงล่าง, Tration Control สามารถแยกปรับได้อิสระ ตัวถังน้ำมันออกแบบมาเพื่อให้ท่านั่งสบายพอดีการวางเท้าหนีบถังได้ง่าย ทำให้ร่างกายเป็นส่วนหนึ่งของตัวรถไปเลย เบาะนั่งเป็นแบบ 2 ตอนแยกชิ้น ปรับระดับได้2ระดับ ตัวผู้ขับขี่สูง 168 ซม.เมื่อปรับให้ต่ำสุด ยังเกือบลงได้เต็มเท้าทั้ง 2 ข้าง
ตัวรถถึงแม้นจะมีน้ำหนักกว่า200กิโลกรัม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหนักเวลาที่ต้องจอดเข็น ชิลด์หน้าปรับระดับง่ายได้ด้วยมือข้างเดียวทำให้ไม่ต้องจอดเพื่อปรับเพิ่มหรือลดชิลด์
จุดเด่นๆเท่าที่ขับขี่กว่า270กิโลเมตร คือเป็นรถที่ควบคุมรถได้ง่ายมากไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวมากนักมือใหม่ก็ขับขี่ได้สนุก การออกตัวสมูท ท่านั่งการขับขี่สบายมาก เบาะค่อนข้างมีพื้นที่ทำให้เปลี่ยนท่าทางการขับขี่ได้หลายแบบ เวลาเข้าโค้งต่อเนื่องก็สามารถพลิกโค้งได้ง่าย นิ่งมากเวลาใช้ความเร็วอยู่ในโค้ง ในช่วงความเร็วสูงหน้ารถค่อนข้างเบา ต้องปรับโหมดช่วงล่างช่วยให้เหมาะสมกับความเร็ว ระบบเบรค ABS ตอบสนองได้ดีมาก
หากจะใช้คำนิยาม เจ้า yamaha Tracer 9 GT “กำลังพอดีมือ” น่าจะเหมาะมากๆ ไม่ตึงมือเกินไปขับขี่ได้ไหลลื่นในทุกย่านความเร็ว ยิ่งความคล่องตัวในรูปแบบการจราจรที่ติดขัด มีช่องนิดหน่อยรถก็มุดผ่านไปได้ ทอร์คกำลังพอมือไม่ได้จัดบิดแล้วกระแทกกระทั้นจนต้องพะวงว่าจะไปเสยรถคันหน้า ออกทริปยิงยาวๆยิ่งสบาย เล่นโค้งได้พริ้วตามใจผู้ขับขี่ยิ่งโค้งเยอะยิ่งขับขี่สนุกมาก ยิ่งมี Up and Down QSS (Quick shif system) ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ทั้งขึ้นและลงโดยไม่ต้องกำคลัทยิ่งทำให้สะดวกไปอีก
สนนราคาของตัวรถจะอยู่ที่ 569,000 บาท มีโอกาสอยากให้ได้ไปลองกันครับ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience