ทำไม All New Yamaha YZF-R6 ถึงราคาต่างจากรถคลาส 600 – 650 ทั่วๆ ไป มันมีดียังไง!
หากว่าเราจะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณสักสองสามปีก่อน สมมติจะมีสักคนหนึ่งบอกว่าทาง Yamaha เองจะนำรถสปอร์ต-เรพลิก้าแท้ๆ ในคลาส 600 อย่าง YZF-R6 มาขายในบ้านเรา อาจจะมีการหัวเราะใส่ หรือคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะรถแนวนี้ในคลาสนี้ห่างหายจากบ้านเราไปนานมากๆ แล้ว และยังมีหลายต่อหลายคนที่มองในปัจจัยเรื่องของการตั้งราคาเป็นหลักที่คาดการณ์กันว่าตัว 600 นั้นราคามันจะไปใกล้กับตัว 1000 cc ทำให้ไม่น่าจะได้รับความนิยมในเรื่องของยอดขายเท่าไหร่ และสำหรับรถสปอร์ตเรพลิก้าในคลาส 600cc คันล่าสุดที่ทำตลาดในบ้านเราก็คือเจ้า R6 โฉมเดิมนั่นแหล่ะ แต่ว่าทำตลาดได้ไม่นานมากนัก ก็เลิกขายกันไป
แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงเมื่อทางค่าย Yamaha เองได้นำตัวรถ All New YZF-R6 มาขายกันที่บ้านเรา ด้วยราคาค่าตัว 549,000 บาท ซึ่งราคานี้ถูกแตกออกเป็นสองกระแส นั่นก็คือหนึ่งทางเหล่าไบค์เกอร์ที่รู้จักและชื่นชอบกับรถในแนวสปอร์ตเรพลิก้าแท้ๆ แบบนี้ ก็จะบอกว่าราคามันเร้าใจะเอามากๆ แต่อีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่าทำไมราคามันแพงจัง ยิ่งไปเทียบกับรถคลาส 650cc ที่ทำตลาดมาก่อนหน้านี้ในบ้านเรายิ่งดูราคาโดดไปแบบเว่อร์วังมากๆ บทความนี้เราเลยจะมาเจาะลึกถึงความจริงที่ว่าทำไมเจ้า All New YZF-R6 ถึงต้องแพงกว่าชาวบ้าน แต่มันดันขายดีเสียด้วย!
ก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับเจ้า All New Yamaha YZF-R6 2017 คันนี้กันให้ถ่องแท้ก่อน ว่ามันมีความพิเศษมากกว่ารถ 600 คันอื่นๆ ที่ไม่ใช่แนวเรพลิก้ายังไงบ้าง และเพราะอะไรราคามันถึงได้ดีดตัวขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยการออกแบบหลักๆ นั้นเน้นการถ่ายทอด DNA มาจากรถสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่าง YZF-R1 โฉมปัจจุบัน ที่เป็นรถในแนวเดียวกัน แต่เจ้า R6 คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 599cc ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ DOHC 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ที่จะให้แรงบิดอันมหาศาลในย่านความเร็วกลางและความเร็วปลายที่มากขึ้นกว่าเดิม เน้นในเรื่องการทำ aerodynamic มากเป็นพิเศษ ซึ่งทางค่ายนั้นได้บอกว่าหากเจ้า R6 นี้สามารถพูดได้ สิ่งแรกที่มันจะพูดเลยก็คือ “พร้อมที่จะฟัดกับรถแข่งคันอื่นๆ ตั้งแต่จุดสตาร์ทแล้ว”
ในส่วนของการออกแบบด้านหน้านั้น ใช้ไฟหน้าแบบ LED ที่หลบอยู่ภายใต้หน้ากาก ซึ่งเป็นไปตามสมัยนิยมในตอนนี้สำหรับรถทรงสปอร์ต ทำให้รูปลักษณ์ของด้านหน้ารถนั้นดุดันและคมคายเป็นอย่างมาก รวมไปถึงไฟท้ายก็ยังคงเป็นแบบ LED ด้วยเช่นกัน
และอย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นว่าเจ้า R6 คันใหม่นี้จะเน้นในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ (aero dynamic) มากเป็นพิเศษ หรืออาจจะนับได้ว่าดีที่สุดตั้งแต่ตระกูล R6 นั้นถือกำเนิดออกมา ดังนั้นแล้วในส่วนของการออกแบบแต่ละชิ้นส่วนแต่ละส่วนนั้น จะมีการรองรับการไหลเวียนของอากาศที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสามัคคีที่สุด ตั้งแต่หัวจรดท้าย ทำให้แร้งต้านระหว่างตัวรถกับอากาศที่พัดผ่านมานั้นมีน้อยมากๆ ซึ่งตรงนี้เองจะส่งผลชัดเจนให้กับอัตราเร่งและความเร็วปลายที่ TOP SPEED ทำได้แตะหลัก 300 กม./ชม.
และยังคงมีระบบที่น่าสนใจมากๆ อย่าง Traction control system ที่ช่วยป้องกันการหมุนฟรีของล้อหลัง มันช่วยให้อัตราเร่งนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นแม้กระทั่งการวิ่งบนถนนที่เปียกแฉะ ทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถนั้นมีสูงมากที่สุด ซึ่งเราสามารถปรับการทำงานของระบบนี้ได้มากถึง 6 ระดับด้วยกัน โดยในแต่ละระดับนั้นจะมีความไวต่อการตอบสนองของระบบที่แตกต่างกันนั่นเอง อีกทั้งยังคงมีระบบยอดนิยมสำหรับรถในแนวสปอร์ตอย่าง Quick Shift System ที่จะช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกำคลัทช์ ทำงานร่วมกับสมองกล ECU ในการสั่งการ เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ YZF-R1
ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหน้านั้นเป็นของ KYB แบบหัวกลับขนาด 43 mm ซึ่งใหญ่กว่าโฉมเดิมที่มีขนาดเพียง 41 mm เท่านั้น ซึ่งเป็นการออกแบบพิเศษมาเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะทำให้มันซับแรงสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในขณะที่เราเข้าโค้งหนักๆ, ระบบเบรกหน้านั้นเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 320mm ซึ่งมีขนาดกว้างกว่าของเดิม ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS ที่ให้เป็นมาตรฐานมาจากโรงงานเลย โดยใช้ปั้มคาลิปเปอร์ของ Nissin, คันเร่งเป็นแบบไฟฟ้า ride-by-wire Yamaha Chip Controlled Throttle (YCC-T®) พร้อมด้วยโหมดในการขับขี่ให้เลือก, ส่วนของเบาะด้านท้าย จะมีความเป็นเรซซิ่งแบบเต็มตัวในสไตล์การนั่ง, ถังน้ำมันเป็นแบบอลูมิเนียมแบบใหม่ ที่ผสมวัสดุในการผลิตแบบ Cold Metal Transfer (CMT) ซึ่งจะทำให้น้ำหนักของตัวถังน้ำมันนั้นเบากว่ารุ่นเดิมถึง 1.2 กก. ด้วยกัน, หน้าจอแสดงผลแบบใหม่ ที่ผสมผสานระหว่างดิจิตอลและอนาล็อก ซึ่งจะบอกการแสดงผลครบครันไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเกียร์, วัดทริป, การทำงานของ TCS, GPS, ABS โหมดที่ใช้งาน ฯลฯ
ดังนั้นแล้วย้อนกลับมาถึงว่าทำไมเจ้า All New YZF-R6 ถึงได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ ในบ้านเรา อย่างแรกเลยก็คือในเรื่องของราคา 549,000 บาทนั้น บางคนอาจจะมองว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกันกับขนาดของ CC แต่ทั้งนี้จะต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของรถสปอร์ตทั่วๆ ไป กับรถสปอร์ตเรพลิก้าที่สเปคเดียวกันกับการลงแข่งในสนาม ซึ่งหากว่าจะเอารถทั้งสองแบบมาวัดกันจริงๆ แน่นอนว่ารถสปอร์ตแบบทั่วๆ ไปย่อมที่จะสู้ไม่ได้ โดยเฉพาะเจ้า R6 คันใหม่นี้หากว่าลงหวดในสนามกับตัว 1,000 ยังถือว่าไม่ได้ทิ้งห่างกันมากด้วย ต่อมากับปัจจัยเรื่องของราคาเมื่อเราเทียบกับรถในตระกูล R-Series จากค่ายเดียวกันเองอย่าง YZF-R1 799,000 บาท (สำหรับการปรับราคาครั้งล่าสุด) ซึ่งส่วนต่างราวๆ 250,000 บาทนั้นถือว่ามากพอที่จะตัดสินใจได้ กับหลายๆ ท่านที่ไม่ได้จำเป็นจะต้องเน้น cc มากถึง 1,000 (ซึ่งแน่นอนว่าใช้พลังงานเชื้อเพลิงเยอะกว่า) แต่ต้องการสัมผัสรถสปอร์ตพันธ์แท้ ที่มีออพชั่นมาอย่างครบครัน ในราคาที่จับต้องกันได้ง่ายกว่า ก็มักจะมาจบที่ YZF-R6 ทั้งนี้ถือว่าการที่ Yamaha ประเทศไทยได้นำรถรุ่นนี้มาวางขายนั้น เป็นการเปิดตลาดในยุคใหม่ให้กับรถสปอร์ต-เรพลิก้าในคลาส 600cc อย่างเป็นทางการ
ขอบคุณภาพจาก motorcyclenews.com
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience