ขี่ Yamaha FINN เที่ยวเชียงใหม่ 162.6 กิโลเมตร น้ำมันแค่ 53 บาทเท่านั้น!
“รถซื้อแกงจะแรงได้ยังไง” เป็นคำพูดที่เรามักจะพูดแซวกันขำๆ กับรถแนวครอบครัว 4 จังหวะ ที่ไม่ได้ต้องการความเร็วและแรงมากนักในสมัยก่อน พอเวลาเปลี่ยนไปรถแนวครอบครัวก็เน้นไปที่เรื่องของการประหยัดน้ำมัน ซึ่งตรงนี้เองก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่ง ที่ทางยามาฮ่า ฟินน์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น ในยุคที่ราคาน้ำมันขึ้นๆลงๆแทบจะทุกวัน
แอดได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรม “ยามาฮ่า ฟินน์ ทั่วไทย ใช้น้ำมันแค่ถังเดียว” ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางยามาฮ่าเองได้เชิญพี่ๆสื่อมวลชน และลูกค้า มาร่วมขับขี่ในครั้งนี้ด้วย เส้นทางการขับขี่ก็เน้นไปบนดอยที่ ชันและมีโค้งที่หลากหลายให้ได้ร่วมทดสอบกัน กับเทือกเขาอากินะแห่งเชียงใหม่ หรือ ดอยสะเมิง ที่เป็นสถานที่ขับขี่และฝึกวิชาของไบเกอร์ชาวเชียงใหม่นั่นเอง โดยปกติแล้วเส้นทางดอยสะเมิงนี้แอดได้มีโอกาสขับขี่บ่อยมาก ทั้งบิ๊กไบค์ รถออโต้ รถวิบาก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เอารถแม่บ้านมาขี่เที่ยวเป็นกลุ่มอย่างนี้ ท้ายบทความจะมาเหลาฟิลลิ่งและสมรรถนะให้อ่านกัน
การเดินทางของเราในครั้งนี้เริ่มกันที่บ.เจริญมอเตอร์ สำนักงานใหญ่ สี่แยกกลางเวียงเชียงใหม่ โดยมีสื่อมวลชนและลูกค้าร่วมขับขี่ด้วยกัน 8 คัน และได้ทำการแวะสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางท่องเที่ยวกัน
เราได้จอดเติมน้ำมันให้เต็มถังและเช็คเลขไมค์กัน ซึ่งถังน้ำมันของยามาฮ่าฟิน มีความจุอยู่ที่ 4.0 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นความจุที่มาตรฐานของรถมอเตอร์ไซค์ครอบครัวอยู่แล้ว ที่พิเศษกว่าคือ สามารถเติมน้ำมัน เบนซินได้ทุกประเภท ตั้งแต่ เบนซินธรรมดา แก๊สโซฮอล์ E20 ไปจนถึง E85 ที่ราคาถูกที่สุดในบ้านเรา เฉลี่ย E85 ราคาลิตรละไม่เกิน 23 บาท/ลิตร ถ้าเติมเต็มถังก็เพียง 90 กว่าบาทเท่านั้นเอง
เมื่อเติมน้ำมันกันครบทุกคันแล้วเราก็เดินทางไปยังสถานสงเคราะห์เด็กบ้านเวียงพิงค์เพื่อไปบริจาคเงินเป็นค่าอาหารเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 เนื่องในวันมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
จากนั้นเราได้เดินทางขึ้นไปอ.สะเมิง โดยใช้เส้นทางอใแม่ริม ไปยัง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แวะเที่ยว Canopy Walkway ที่เป็นทางเดินที่อยู่เหนือยอดไม้บนความสูงกว่า 20 เมตร รับบรรยากาศที่เย็นสบายในช่วงหน้าร้อนกัน
หลังจากทานอาหารกลางวันที่โป่งแยงแอ่งดอยเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้าไปที่จุดชมวิวสะเมิงซึ่งใครที่มาเส้นนี้ก็ต้องแวะเช็คอินกันแทบจะทุกคน
หลังจากแอคท่าถ่ายรูปสวยๆกันเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางกันต่อจุดหมายต่อไปคือเนิน 7 พับที่ขึ้นชื่อลือชาของความชันบนเขาแห่งนี้ ลักษณะเป็นโค้งชันหักศอกติดต่อกันหลายพับ จุดนี้เองก็ได้ทดสอบเกียร์กันแบบรัวๆ กันเลย
ผ่านโค้ง 7 พับมาได้ก็ยังเหลือระยะทางอีกพอสมควรกว่าจะถึงทางแยกที่เข้าไปเจอตัวเมืองเชียงใหม่ ในช่วงนี้เอง ใครมีสกิลอะไรก็ใส่กันได้เต็มๆ ทั้งโค้งกว้าง ทางตรงยาวๆ และโค้งลงเขา ให้ได้ทดสอบเอ็นจิ้นของรถกัน
อีกหนึ่งสถานที่ที่เราได้มาพักหลบร้อนและถ่ายรูปสวยๆกันคือ แกรนด์แคนยอนเชียงใหม่ บ่อดินขนาดใหญ่ที่ในอดีตได้มีการสัมปทานหน้าดินขาย ปัจจุบันกลายเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย นี่ถ้าแอดเอาขาสั้นไปด้วย คงโดดโชว์ให้เก็บภาพกันไปแล้ว
เราเดินทางต่อมายังร้านสำรับกับข้าวเพื่อทานอาหารเย็นกัน ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่แถวสะพานเหล็กหรือขัวเหล็กที่คนเชียงใหม่เรียกกัน จะเห็นวิว แม่น้ำปิง และพระอาทิตย์ตก ตลอดจนวิถีชิวิตของคนเชียงใหม่ที่อาศัยริมแม่น้ำกัน
จบทริปวันแรกเราขับขี่กันไปประมาณ 120 กิโลเมตร เส้นทางส่วนใหญ่เป็นเขาความเร็วโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-70 กิโลเมตร/ชั่วโมง สังเกตุน้ำมันลงไปเลยครึ่งถังมานิดหน่อย ถือว่าประหยัดน้ำมันใช้ได้เลยทีเดียว
วันที่สองของการเดินทางเราเปลี่ยนมาท่องเที่ยวในเมืองเชียงใหม่กันบ้าง เริ่มต้นทริปด้วยการไปเที่ยววัดอุโมงค์ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ความพิเศาของวัดแห่งนี้คืออุโมงค์ทางเดินที่ทอดยาวต่อๆไปตามห้องต่างๆ ภายในอุโมงค์ก็จะมีภาพจิตรกรรมโบราณวาดบนผนังตลอดทั้งแนว แต่เนื่องด้วยกาลเวลาผ่านไปภาพเขียนเหล่านั้นก็จางลงไป แอดจำได้ว่าเมื่อราว 20 ปีก่อนภาพวาดเหล่านี้ยังพอมีให้เห็นรายละเอียดอยู่มากพอสมควร
ถัดไปอีกไม่ไกลก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชอบมาเยี่ยมชมกันก็คือบ้านข้างวัด ที่ติดอยู่กับวัดร่ำเปิง ภายในบ้านข้างวัดจะมีชุมชนเล็กๆที่สร้างขึ้นไว้รวบรวม ศิลปะวัฒนธรรมของชาวเชียงใหม่ รวมถึงร้านอาหาร กาแฟ เสื้อผ้า ตลอดจนงานฝีมือไว้อีกด้วย และนี่ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่หลายคนมาใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์กันอย่างเต็มที่
หลังจากที่พักทานอาหารกลางวันกันเสร็จเราก็เดินทางไปยังวัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เส้นทางขึ้นไปบนพระธาตุถือว่าเป็นทางที่ชันและแคบพอสมควร ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่
วัดพระธาตุดอยคำเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปี ตั้งอยู่บริเวณดอยคำ ด้านหลังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร บนวัดพระธาตุดอยคำ มีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบเมืองเชียงใหม่ สนามบินเชียงใหม่ นอกจากนี้ยามค่ำคืนเมื่อมองขึ้นไปบนพระธาตุดอยคำจะเห็นองค์พระธาตุเหลืองอร่ามสว่างไสว ซึ่งมีความงดงาม
บทสรุปทริป 2 วันกับยามาฮ่า ฟินน์ ทั่วไทย ใช้น้ำมันแค่ถังเดียว ก็จบลงอย่างสวยงาม มาพูดถึงสมรรถนะในการขับขี่บ้าง เรื่องความคล่องตัวเมือขับขี่ในเมืองหรือการจราจรที่ติดขัด ยามาฮ่าฟินน์ ก็สามารถมุดผ่านไปได้อย่างง่ายดาย พูดถึงการออกตัว ยามาฮ่าฟินน์เป็นรถที่ไม่ได้ออกตัวแรงพุ่งไปข้างหน้า แต่ในช่วงเกียร์ 2-3 สามารถลากรอบเครื่องยนต์ไปได้เรื่อยๆโดยที่ไม่มีการตัดรอบ การขับขี่บนเขาก็ทำให้ยิ่งสนุกมากขึ้น การต่อรอบแต่ละเกียร์นุ่มนวล ทางชันและโค้งหักศอกขึ้นเกียร์2ได้สบายไม่มีปัญหา ส่วนเอ็นจิ้นเวลาลงเขาก็ทำได้ดีไม่ต้องถอนเกียร์หรือเบรคช่วยมากนัก ได้มีโอกาสซ้อน 2 ขึ้นดอยคำ รถอาจจะไม่ได้แรงมากต้องคอยเชนเกียร์ 1-2อยู่บ้าง ตามจังหวะการขับขี่
โดยรวม ยามาฮ่า ฟินน์ เป็นรถที่ผู้หญิงขับได้ ผู้ชายขับมันส์ ออกทริปได้หายห่วงกับระยะทาง 162.6 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไป 2.30 ลิตร เฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 70.69 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันมากๆ เหมาะกับเป็นรถครอบครัวไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือวันไหนอยากขี่ไปเที่ยวก็สามารถทำได้ครับ (ขอขอบคุณทางบริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ สำหรับกิจกรรมดีๆ ในครั้งนี้)
แอดมินทศ
Sakon Supapornopas – Website founder greatbiker.com I like all types of motorcycles. Working in the automotive industry for more than 10 years, in-depth analysis of new motorcycle models. that will be launched in Thailand and abroad Review from actual use experience