รีวิวทดสอบการขับขี่ 2017 Ducati 1299 Superleggera โดย motorcyclenews
2017 Ducati 1299 Superleggera รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ Limited – Edition ของค่ายรถมอเตอร์ไซค์อิตาลี ที่ใช้แฟร์ริ่งคาร์บอนที่ให้ทั้งความเร็ว น้ำหนักที่เบา ขนาดที่กะทัดรัดและสวยงามที่สุดของทางค่าย และนับได้ว่าเป็นพี่น้องกับสายพันธุ์สปอร์ตอย่างเจ้า Pamigale ของทาง Ducati โดยวันนี้ทีมงาน GreatBiker จะขอหยิบเอาการรีวิวของสื่องนอกชื่อดังอย่าง motorcyclenews.com ที่ได้ทำการทดสอบเจ้า Superlegera คันนี้มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ
การขับขี่และระบบเบรก
ตัวรถนั้นใช้คาร์บอนไฟเบอร์แบบ Monocoque โครงสร้างที่มีความทนทานสูงและน้ำหนักที่เบากว่าเดิมถึง 40% (1.7 กิโลกรัม) สวิงอาร์มแขนเดี่ยวที่ทำให้น้ำหนักนั้นเบาลงไปอีก 18% (0.9 กิโลกรัม) แฟร์ริ่งส่วนท้าย ชิลด์หน้า บังโคลน และระบบท่อไอเสียที่เป็นคาร์บอน ซึ่งเมื่อเทียบกับเจ้า Panigale แล้วมีเพียงถังน้ำมันอลูมิเนียมเท่านั้นที่เหมือนกัน วงล้อคาร์บอนที่มีน้ำหนักที่เบากว่า 1.4 กิโลกรัม ที่ผลิตจาก คาร์บอนไฟเบอร์ และยังลดแรงเสียดทานในยางได้อีก 26% ในด้านหน้าและ 44% ในหลังที่มาพร้อมกับยาง Pirelli Diablo Super Corsa SP trackday ที่มีศักยภาพสูงในการยึดเกาะพื้นผิว
ระบบกันสะเทือนหน้า Ohlins FL936 ขนาด 43 มิลิเมตร ที่สามารถปรับระยะได้เต็มพิกัด ที่มีน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัม ที่เบากว่าใน Panigale และระบบกันสะเทือนหลัง Ohlins TTX36 ที่ผลิตมาจากวัสดุไทเทเนียมที่นอกจากน้ำหนักจะเบาแล้วยังให้ความแข็งแรงทนทานกว่าวัสดุอื่นๆ โดยน้ำหนักตัวที่ลดลงไปนั้นเท่ากับ 0.5 กิโลกรัม มาพร้อมกับระบบเบรก Brembo M50 radial calipers และปั้มเบรกที่ใช้ในสนามแข่งทำงานร่วมกับดิสก์คู่ขนาด 330 มิลลิเมตร
โดยน้ำหนักแบบน้ำมันเต็มถังขนาด 17 ลิตร ของเจ้า Superlegera 1299 คันนี้จะอยู่ที่ 178 กิโลกรัม ทำให้เจ้า Superlegers 1299 คันนี้ประดุจดั่งปีศาจในสนามแข่งที่สามารถทำให้ผู้ขับขี่นั้นรับรู้ได้ถึงพละกำลังที่ส่งออกมาจากตัวเครื่องยนต์ และการพลิกโค้งได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากอีกด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้ด้วยระยะเวลาที่สั้นกว่า และสามารถเข้าออกโค้ง High-Speed ได้เป็นอย่างดี
เจ้า Superlegera 1299 คันนี้ดีรับการทดสอบและพัฒนาจากสนามชื่อดังทั่วทวีปยุโรปไม่ว่าจะเป็นสนาม Nardo, Jerez, Vallelunga, Mugello, Portimao และ Aragon ซึ่งมันส่งผลอย่างชัดเจนในการทดสอบแบบสนามแข่งที่มีความสะท้านของพื้นผิวของถนนที่น้อยกว่า เหมือนเราขับขี่มันอยู่บนพื้นผิวที่นุ่มนวล เพียงการสัมผัสเบาๆ ตัวรถก็สามารถส่งแรงตอบสนองออกมาได้อย่างทันท่วงที
ตัวผู้ขับขี่เองรู้สึกถึงความความแข็งแรงของโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ และการตอบสนองที่ดีของเครื่องยนต์ ซึ่งใช้เวลาไม่มากที่จะเข้าถึงตัวรถได้ และมันขับขี่ได้ง่ายกว่าเจ้า Panigale มาก ต้องขอบคุณน้ำหนักตัวรถที่ลดลงมาทำให้อัตราเร่งและความคล่องตัวของรถนั้นเพิ่มมากขึ้น แต่ยังถือว่าไม่สมบูรณ์แบบ 100 % ซึ่งเห็นได้ชัดจากการเร่งเครื่องยนต์ในทางตรงด้วยเกียร์สองก่อนเข้าเกียร์สามและสี่ นั้นมีระยะที่สั้นเกินไป ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการสึกหรอของเครื่องยนต์นั้นเอง
ในส่วนของระบบเบรก Brembo ที่ติดตั้งมานั้นทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สั่งงานได้ฉับไว ช่วยให้การขับขี่นั้นเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัยมากขึ้น
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ของเจ้า Superleggera 1299 นั้นสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ถึง 215 BHP ซึ่งเมื่อเทียบกับ 2014 Superleggera 1199 นั้นให้แรงม้าเพิ่มขึ้นถึง 15BHP ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1285cc Superquadro ที่ใช้สถาปัตยกรรมของทีมแข่งและอุปกรณ์สเปกเดียวกับที่ใช้ในสนามการแข่งขัน ลูกสูบอลูมิเนียม ก้านสูบไทเทเนียม วาล์วไทเทเนียม ที่ให้น้ำหนักที่เบากว่าถึง 0.4 กิโลกรัม เฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์แล้วเจ้า Superleggare 1299 คันนี้มีน้ำหนักที่เบากว่าเจ้า Panigale 1299S อยู่ถึง 2.1 กิโลกรัม
เรือนปีผีเสื้อหรือ throttle body สามารถให้การหมุนเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น โดยมีทางเข้าของไอดีที่มีระยะที่ยาวแตกต่างกันเพื่อให้ความเหมาะสมของแต่ละกระบอกสูบ ระบบท่อไอเสียของ Akaprovic ที่ได้มาตรฐาน Euro4 แบบเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งขัน WSBK ที่เป็นแบบออกด้านหลังใต้เบาะนั่ง ที่ให้น้ำหนักที่เบากว่าถึง 4 กิโลกรัมในรูปแบบของท่อ Full System ที่จะเพิ่มแรงม้าให้กับเจ้า Superleggara 1299 ได้อีก 5 Bhp และแรงบิดที่เพิ่มขึ้นถึง 12 % ที่ 6,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่งในช่วงต้นนั้นให้พละกำลังที่หายห่วง แถมยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัย และสามารถป้องกันการสไลด์และการยกของล้อได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะเปิดหรือปิดระบบนี้ก็ได้ ซึ่งโดยรวมแล้วเจ้า Spuerleggera 1299 คันนี้มีขุมกำลังที่เอื้อต่อการกระแทกคันเร่งและแสดงศักยภาพได้เป็นอย่างดีในทางตรง
งานประกอบและความน่าเชื่อถือ
ด้วยวัสดุในการผลิตที่พิถีพิถันเป็นพิเศษนี้ คุณภาพของงานประกอบตัวรถนั้นก็ทรงคุณค่าและประณีตไม่แพ้กัน ด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจ คุณภาพของงานคาร์บอน และเครื่องยนต์ที่มีลักณะที่เฉพาะตัว และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Ducati นั้นก็มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
อุปกรณ์
นอกจากตัวรถที่มีน้ำหนักเบาแล้วเจ้า Superleggera 1299 คันนี้อัดแน่นไปด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มีอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแกน IMU แบบ 6 แกนจาก Bosch ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Ducati Couse ที่จะทำงานร่วมกับ Traction Control และเป็นครั้งแรกที่ทาง Ducati จะติดตั้งระบบ launch control , slide control engine braking control, cornering ABS, autoblipper, quickshifter และระบบ datalogger รวมไปถึงแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ที่มีน้ำหนักที่เบากว่าตัวเดิม 1.7 กิโลกรัม
ในส่วนของ Track Kit จะมีระบบท่อไอเสียของ Akrapovic titanium race exhaust system ท้ายสั้น ชุดอุดรูของกระจกมองหลัง ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่ถูกถอดออกไป อกล่างแบบสนามแข่งขันที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากร้านทั่วไป แสตนยกล้อหน้าและหลังพร้อมผ้าคลุมรถ
Ducati Superleggera 1299 คันนี้ถือว่าเป็นชิ้นงานที่ทรงคุณค่าอย่างมาก ด้วยน้ำหนักที่เบาและขุมกำลังที่จัดจ้าน และด้วยการที่เป็น Limited – Edition ที่มีเพียง 500 คันบนโลกนี้ ทำให้ตัวมันสามารถขึ้นไปอยู่ในระดับ Super Bike ที่ใครหลายๆคนจับตามอง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.motorcyclenews.com
Keattisak Ngamkham – Writer, automotive journalist with experience The whole motorcycle industry and the motorsport industry Expert in doing reviews of all types of motorcycles.